คําว่า " ตดก็ขาย ผายลมก็ซื้อ! " นั้น ผู้โพสต์หมายถึง " เม่า " ที่มักจะซื้อขายหุ้นตามข่าวรายวันที่เข้ามากระทบ และข่าวรายวันที่เข้ามากระทบก็มีมาอย่างมากมายมหาศาลจนเรียกไ้ด้ว่า " จะสามารถที่จะทําให้ Trade หุ้นได้เป็นร้อยเป็นพันครั้งต่อวันเลยก็มี " แต่ข่าวส่วนใหญ่ที่เข้ามานั้นเป็นประเภท " ขี้หมูรา ขี้หมาแห้ง " ที่แทบจะไม่มีผลต่อทิศทางของตลาดหุ้นในระยะยาวเลย ซึ่งจะมีผลทําให้ " เม่า " ออกหมัดจั่วลมไปเรื่อยๆและเสียเงินค่า Brokerage Fee และ VAT ในแต่ละรอบที่มีการซื้อขายให้กับ Brokers และประสบปัญหาการขาดทุนในที่สุด
สําหรับผู้โพสต์เองนั้น จับประเด็นข่าวเพียงแค่ประเด็นเดียวคือเรื่องแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยของเฟดมากําหนดกลยุทธการลงทุน ดังนี้ คือ :
1) ถ้าเฟดเป็นทิศทางขาขึ้นรอบใหญ่ แสดงว่าตลาดจะอยู่ในสภาวะกระทิง กลยุทธการลงทุนก็คือ Long Set 50 Index Futures
2) ถ้าเฟดเป็นทิศทางขาลงรอบใหญ่ แสดงว่าตลาดจะอยู่ใน สภาวะหมี กลยุทธการลงทุนก็คือ Short Set 50 Index Futures
สําหรับในปัจจุบัน ผู้โพสต์คาดว่า :
1) แนวโน้มของเฟดยังอยู่ในทิศทางขาขี้นรอบใหญ่ แสดงว่าตลาดจะอยู่ในสภาวะกระทิง กลยุทธการลงทุนของผู้โพสต์ก็เลยทําการ Long Set 50 Index Futures ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม ปี พ.ศ 2562 ไปจนถึงวันอังคารแรกของเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ 2563 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งต่อไป
2) แนวโน้มเฟดน่าจะเป็นทิศทางขาลงรอบใหญ่ แสดงว่าตลาดจะอยู่ใน สภาวะหมี กลยุทธการลงทุนของผู้โพสต์ก็เลยจะทําการ Short Set 50 Index Futures ทั้งนี้ ตั้งแต่วันอังคารแรกของเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ 2563 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งต่อไป ไปจนถึงวันที่ 30 ธันวาคม ปี พ.ศ 2564
หมายเหตุ : โปรดติดตามการ Long และ Short Set 50 Index Futuresในระยะยาวได้ใน longtunbysak.blogspot.com