หากย้อนเวลากลับไปในช่วงที่ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงต่อเนื่องนับตั้งแต่ปีที่แล้ว หลายคนอาจยังคงมี “ภาพจำ” ในการถัวเฉลี่ยต้นทุนและซื้อหุ้นจีนเพื่อเพิ่มสัดส่วน เพราะหวังว่าตลาดหุ้นจีนอาจจะกลับมาเฉิดฉายอีกครั้งได้ ทว่าดูเหมือนความหวังดังกล่าวก็ยังคงไร้วี่แววต่อเนื่องนานมากว่า 1 ปีแล้ว ทว่า! เมื่อวานนี้ “ประกายแห่งความหวัง” กลับถูกจุดคืนสู่นักลงทุนอีกครั้ง หลังรัฐบาลจีนยืนยันเป็นคำมั่นเหมาะว่าจะสนับสนุนการเติบโตเศรษฐกิจและผลักดันตลาดหุ้นจีน
ตลาดหุ้นจีนหลายดัชนีพุ่งทะยานรับข่าวความคาดหวังดังกล่าว (16 มี.ค. 2565) ดัชนีเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Composite Index) +2.6% ปิดที่ 2,550.47 บวกแรงสุดตั้งแต่ 7 ส.ค. กลับมาพลิกปิดเหนือแนวรับจิตวิทยาสำคัญที่ 2,500 จุด ส่วนดัชนีเซิ่นเจิ้น (Shenzhen Composite Index) +2.6% และดัชนีหุ้นจีนขนาดเล็กไชเน็กซ์ (Chinext Index) พุ่งแรงสุดตั้งแต่ มิ.ย. ขณะบรรยากาศการลงทุนเชิงบวกนี้ยังคงส่งผลให้ตลาดจีนยังเขียวสดใสต่อได้ในวันพฤหัสฯ
เพราะอะไรประกายแห่งความหวังของตลาดหุ้นจีนจึงถูกกลับมาจุดไฟอีกครั้ง? นั่นก็เพราะที่ประชุมคณะกรรมการความมั่นคงทางการเงินและการพัฒนาของคณะรัฐบาลจีน “ให้คำมั่นอย่างแรงกล้า” ในวันพุธว่าจะใช้นโยบายกระตุ้นตลาดการเงินและการเติบโตของเศรษฐกิจ และเชื่ออีกด้วยว่ามาตรการที่เคยคุมเข้มบริษัทเทคโนโลยีและภาคอสังหาฯ น่าจะถูกลดความเข้มข้นลงในปีนี้ เพราะเป็นหนทางไวสุดที่จะช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้เศรษฐกิจ
นักวิเคราะห์ปัจจุบันยอมรับกันถ้วนทั่วว่าราคาหุ้นจีนนั้นถูกแสนถูก แถมการเติบโตของบริษัทเหล่านี้ในอนาคตก็ยังอีกไกล แต่ก็ยังไม่กล้าเสี่ยงกลับเข้าไปลงทุนในตลาดจีนนัก เพราะขาดความเชื่อมั่นด้านนโยบาย ดังนั้น กุญแจสำคัญที่จะช่วยผลักดันหุ้นจีนให้กลับตัวเป็นขาขึ้นอย่างจริงจัง คือ ความคาดหวังและความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในระยะข้างหน้า ซึ่งจะเกิดสิ่งนี้ได้ก็ต่อเมื่อ “ภาครัฐบาลพิสูจน์ได้มากพอ” ว่ามีความตั้งใจจริงในการพยายามผ่อนคลายนโยบาย
ขณะอีกคำถามสำคัญที่นักลงทุนอยากรู้ คือ “แล้วหุ้นจีนผ่านจุดต่ำสุดไปหรือยัง?” เพื่อที่จะได้กลับเข้าไปลงทุนอีกครั้ง หลายท่านอาจเริ่มเห็นบทความการลงทุนบางแห่งเริ่มออกมาฟันธงว่า ตลาดหุ้นจีนอาจจะ “ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว!” หลังเผชิญแรงเทขายอย่างไร้เหตุผลในวันที่ 14-15 มี.ค. ที่ผ่านมา (ดัชนีหุ้นจีน HSCEI ปรับตัวลงกว่า -10% ในเพียง 2 วันทำการ) อย่างไรก็ตาม คำตอบของถามนี้อาจไม่มีใครรู้ได้ แต่สิ่งที่เรารู้ได้แน่ชัด คือ ราคาหุ้นจีนนั้นถูกเพียงพอ และเริ่มคุ้มเสี่ยงมากขึ้นสำหรับการกลับเข้าไปทยอยลงทุนอีกครั้ง โดยเราแนะนำให้คงสัดส่วนตามกรอบการลงทุนที่วางไว้ในพอร์ตฟอลิโอ เพื่อรับโอกาสการเติบโตและลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวตลาดหุ้นจีนที่เคาดว่าจะได้รับประโยชน์ดังกล่าวหากรัฐบาลกลับมาสร้างความเชื่อมั่นได้สำเร็จ คือ ตลาดหุ้นจีน A-Shares, H-Shares และ ADR โดยกองทุนรวมที่เรามองว่าน่าสนใจในระยะนี้ คือ B-CHINE-EQ ซึ่งลงทุนในหุ้นจีนทุกตลาด (All China) และกองทุน UCI ที่ลงทุนในหุ้นนวัตกรรมจีนแผ่นดินใหญ่ (A-Shares)
คำเตือน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ อาจมีความเสี่ยงทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน