กองทุนเฮดจ์ฟันด์ทั่วโลก ทำสถิติผลตอบแทนแย่สุดในรอบ 14 ปี

กองทุนเฮดจ์ฟันด์ทั่วโลก ทำสถิติผลตอบแทนแย่สุดในรอบ 14 ปี

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2565 ว่า กองทุนเฮดจ์ฟันด์ทั่วโลกทำสถิติผลตอบแทนที่แย่ที่สุดในรอบ 14 ปีในปี 2565 หลังจากอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรงส่งผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์อย่างหนัก อย่างไรก็ตามการลดลงโดยรวมนั้นน้อยกว่าการตกต่ำในตลาดตราสารทุนและตราสารหนี้ในปีนี้

กลยุทธ์กองทุนเฮดจ์ฟันด์บางประเภทที่ลงเงินในสินค้าโภคภัณฑ์และสกุลเงินโดยใช้กลยุทธ์ที่เน้นมาโครและใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของราคาระหว่างหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องซึ่งมีผลประกอบการดีกว่าในปี 2565 มอบผลกำไรที่ดีให้กับนักลงทุน

Meisan Lim กรรมการผู้จัดการฝ่ายวิจัยกองทุนเฮดจ์ฟันด์ของ Cambridge Associates กล่าวว่า “มากกว่าครั้งใดๆ ในประวัติศาสตร์เมื่อเร็วๆ นี้ ทั้งตราสารทุนและพันธบัตรมีความอ่อนไหวอย่างมากต่อเหตุการณ์ระดับมหภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อภาวะเงินเฟ้อ”

ตามข้อมูลการลงทุนของบริษัท Preqin ผลตอบแทนของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ลดลง 6.5% ในปีนี้ ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่ลดลง 13% ในปี 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับดัชนี MSCI World ที่ลดลง 18.7% และดัชนี ICE BofA US Treasury ที่ลดลง 11.9%

ตามกลยุทธ์กองทุนขนาดใหญ่ได้รับ 8.2% จนถึงเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ในขณะที่กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงจากตราสารทุนและกลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนด้วยเหตุการณ์ หายไป 9.7% และ 4.7% ตามลำดับ

UBS ระบว่า “ตามกลยุทธ์แล้วในอดีตมาโครมีความสัมพันธ์น้อยกว่ากับความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นในวงกว้าง ซึ่งช่วยกระจายพอร์ตการลงทุน …คิดว่าการดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดต่อเนื่องและความผันผวนสูงน่าจะส่งผลดีต่อผู้จัดการระดับมหภาคในปี 2566”

ทั้งนี้กองทุน Activist ซึ่งใช้สัดส่วนการถือหุ้นส่วนน้อยเพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์และการจัดการเพื่อปลดล็อกมูลค่าผู้ถือหุ้น ลดลง 13.8%

Andrew Hendry หัวหน้าภูมิภาคเอเชียของ Janus Henderson Investors ซึ่งเป็นผู้จัดการสินทรัพย์ระดับโลกที่บริหารกองทุน Global Multi-Strategy Fund มูลค่า 900 ล้านยูโร หรือราว 955.17 ล้านดอลลาร์ กล่าวว่า “การติดตามแนวโน้มทำงานบนแนวคิดที่ว่าตลาดประมวลผลข้อมูลอย่างไม่มีประสิทธิภาพและด้วยความเร็วที่แตกต่างกัน และตลาดที่เคลื่อนไปในทิศทางเดียวเพื่อเริ่มต้น มีแนวโน้มที่จะดำเนินไปในทิศทางนั้นต่อไป แนวโน้มดังกล่าวส่งผลดีในปี 2565 ด้วยสิ่งต่างๆ เช่น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่แข็งแกร่งและพันธบัตรที่อ่อนแอซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพอย่างมาก”

นอกเหนือจากการล่มสลายของสินทรัพย์แบบดั้งเดิมตั้งแต่ตราสารทุนไปจนถึงพันธบัตร สินทรัพย์สุทธิของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ทั่วโลกลดลง 4.8% ในช่วงสามไตรมาสแรกของปีนี้เป็น 4.3 ล้านล้านดอลลาร์ และเห็นการไหลออกรวมกัน 1.098 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเวลานั้น

หมายเหตุ : 1 ดอลลาร์ = 0.9422 ยูโร

อ้างอิง : https://www.reuters.com/markets/hedge-funds-set-mark-worst-returns-14-years-2022-12-29/