ทำความรู้จัก “บิ๊กซีฯ” ห้างแสนล้าน
กำลังจะหวนคืนตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง

.
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักลงทุนยังจำได้ดีว่า “บิ๊กซี” เคยเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมาแล้ว แต่ก็ได้เพิกถอนออกจากตลาดหุ้นในที่สุด อย่างไรก็ตามล่าสุด “บิ๊กซี” กำลังจะหวนคืนตลาดหุ้นอีกครั้ง ภายใต้ชื่อบริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BRC ดังนั้นคอลัมน์ Next IPO ประจำวันอังคารในครั้งนี้ Wealthy Thai จะพามาทำความรู้จักกับ BRC ให้มากยิ่งขึ้น
.
สำหรับ BRC ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ และร่างหนังสือชี้ชวน (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนรวมไม่เกิน 3,730 ล้านหุ้น (รวมจำนวนหุ้นที่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกิน (Over-Allotment Agent)
.
ทั้งนี้อาจใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจากบริษัทฯ ในกรณีที่มีการจัดหาหุ้นส่วนเกิน (Over-Allotment) (ถ้ามี)) หรือคิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 29.98 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญและจดทะเบียนเพิ่มทุนในครั้งนี้
.
โดยได้แต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินจำนวน 5 ราย ประกอบด้วย ธนาคารไทยพาณิชย์ จํากัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จํากัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จํากัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จํากัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด
.
BRC เป็นบริษัทเรือธง (Flagship Company) สำหรับธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ และธุรกิจค้าส่งและสนับสนุนการค้าปลีกแบบดั้งเดิมของกลุ่ม BJC และกลุ่ม TCC ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยมีพอร์ตโฟลิโออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นร้านค้าหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเป็นที่ตั้งของไฮเปอร์มาร์เก็ตและซูเปอร์มาร์เก็ตภายใต้แบรนด์ “บิ๊กซี” ร้านค้าปลีกและผู้เช่าพื้นที่ในร้านค้าต่าง ๆ ของบริษัทฯ
.
นอกจากเป็นพื้นที่ประกอบธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจสนับสนุนอื่น ๆ ของบริษัทฯ แล้ว รูปแบบร้านค้าดังกล่าวยังช่วยสนับสนุนธุรกิจการขายส่งให้กับลูกค้าผ่านการดำเนินธุรกิจแบบ B2B และธุรกิจสนับสนุนการค้าปลีกแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) ของบริษัทฯ อีกด้วย
.
ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจค้าส่งของบริษัทฯ ยังครอบคลุมไปถึง การสั่งผลิต การนำเข้าและการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการพัฒนาและการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ อันมีส่วนเกี่ยวข้องเกื้อหนุนกับการค้าปลีก และ/หรือการค้าส่งของกลุ่มบริษัทฯ ด้วย
.
โดยบริษัทฯ นำเสนอรูปแบบการค้าปลีก การค้าส่ง และการสนับสนุนการค้าปลีกแบบดั้งเดิมที่ครอบคลุม และนำเสนอสินค้าที่คุ้มค่าและหลากหลายเพื่อตอบสนองต่อความต้องการและความชื่นชอบที่แตกต่างกันของกลุ่มลูกค้าและผู้เช่าพื้นที่
.
BRC ประกอบธุรกิจหลักใน 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1.) ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ ประกอบด้วย ร้านค้าขนาดใหญ่และขนาดเล็กภายใต้แบรนด์บิ๊กซี เช่น บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์, บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า, บิ๊กซี เพลส, บิ๊กซี มาร์เก็ต, บิ๊กซี ฟู๊ดเพลส, บิ๊กซี ดีโป้, บิ๊กซี มินิ, บิ๊กซี ฟู๊ด เซอร์วิส ร้านค้าขนาดเล็กภายใต้แบรนด์ Kiwi Mart ในประเทศกัมพูชา และ B's Mart ในประเทศเวียดนาม ตลาด Open-Air โดยแบ่งเป็นตลาดกลางคืนภายใต้แบรนด์ตลาดเดินเล่น และตลาดกลางวันภายใต้แบรนด์ตลาดครอบครัวและตลาดทิพย์นิมิตร รวมทั้งแพล็ตฟอร์ม Omnichannel คือ Big C PLUS และ Marketplace ของผู้ให้บริการภายนอก
.
2.) ธุรกิจค้าส่งและสนับสนุนการค้าปลีกแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นการทำธุรกิจแบบ B2B โดยตรงกับกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ และการขายสินค้าให้กับร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมรวมถึงผู้ประกอบการภายใต้โมเดลร้านค้าโดนใจของบริษัทฯ
.
และ 3.) ธุรกิจอื่น ๆ อันประกอบด้วยธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจสนับสนุนอื่นหลากหลายประเภท เช่น ร้านขายยาเพรียว ร้านขายยาสิริฟาร์มา ร้านกาแฟวาวี ร้านหนังสือเอเชียบุ๊คส บริการรับชำระเงินผ่านเคาน์เตอร์ Big Service บริการให้คำปรึกษา บริการวางระบบหน้าร้านและระบบสนับสนุนด้านต่าง ๆ แก่ผู้ประกอบการร้านค้าโดนใจให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลแก่ผู้จัดหาสินค้า และบริการให้เช่าพื้นที่โฆษณาภายในพื้นที่ร้านค้า (Retail Venue)
.
สำหรับจำนวนสาขาของบริษัท ณ สิ้นปี 2565 แบ่งเป็น
ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ ประกอบด้วย รูปแบบร้านค้าขนาดใหญ่ 201 แห่ง ร้านค้าบิ๊กซี ไฮเปอร์มาร์เก็ต 154 แห่ง ร้านค้าบิ๊กซี มาร์เก็ต 36 แห่ง ร้านค้าบิ๊กซี ฟู๊ดเพลส 11 แห่ง รูปแบบร้านค้าขนาดเล็ก 1,509 แห่ง ตลาด Open-Air 7 แห่ง และอื่นๆ14 แห่ง
.
ธุรกิจค้าส่งและสนับสนุนการค้าปลีกแบบดั้งเดิม ประกอบด้วย ร้านค้าโดนใจ 1,000 แห่ง
.
ธุรกิจอื่นๆ ประกอบด้วย ร้านขายยาเพรียว 146 แห่ง ร้านขายยาสิริฟาร์มา 1 แห่ง ร้านกาแฟวาวี 60 แห่ง ร้านหนังสือเอเซียบุ๊คส 54 แห่ง และร้านอาหาร 12 แห่ง
.
ขณะที่ธุรกิจค้าส่งและสนับสนุนการค้าปลีกแบบดั้งเดิมของบริษัทฯ ประกอบด้วย (1) การทำธุรกิจแบบ B2B โดยตรงกับกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจแบบ B2B โดยตรงกับกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่มากกว่า 77,000 รายที่สั่งซื้อสินค้าในปริมาณมากในราคาขายส่ง
.
รวมถึง (2) การขายสินค้าให้กับร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมจำนวนประมาณ 1,000 สาขา ที่ดำเนินงานโดยเจ้าของร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมในประเทศไทยภายใต้โมเดลร้านค้าโดนใจของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ ใช้ประโยชน์จากระบบโครงสร้างพื้นฐานและการจัดการสินค้าคงเหลือของบริษัทฯ ในการสนับสนุนการขายสินค้าดังกล่าว
.
ในส่วนของผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปี (2563-65) โดยปี 2563 มีรายได้รวม 113,099.70 ล้านบาท มีขาดทุน 709.5 ล้านบาท ปี 2564 มีรายได้รวม 111,106.90 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 7,332.80 ล้านบาท และปี 2565 มีรายได้รวม 113,573.20 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 6,756.80 ล้านบาท
.
ทั้งนี้ 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้า ซึ่งประกอบด้วย การขายสินค้าจากธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ ธุรกิจค้าส่งและสนับสนุนการค้าปลีกแบบดั้งเดิม และธุรกิจอื่น ๆ จำนวน 96,984.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.8% จากปี 2564 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้าจากธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ของบริษัทฯ หักกลบบางส่วนกับการลดลงของรายได้จากการขายสินค้าจากธุรกิจค้าส่งและสนับสนุนการค้าปลีกแบบดั้งเดิม
.
ข้อได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทฯ
1.บริษัทฯ เป็นผู้นำที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ที่พร้อมขับเคลื่อนการอุปโภคบริโภคด้วยเครือข่ายธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย และในประเทศอื่น ๆ ที่เติบโตสูงในภูมิภาค
.
2.รูปแบบธุรกิจแบบรวมศูนย์ที่ผสมผสานระหว่างธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจให้เช่าพื้นที่ (Town Center Business) ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน ทำให้ร้านค้าของบริษัทฯ ตอบสนองกับความต้องการของลูกค้า และเพิ่มผลตอบแทนสูงสุดให้กับบริษัทฯ
.
3.บริษัทฯ พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้าและชุมชนหลากหลายกลุ่ม ด้วยเครือข่ายร้านค้าหลากหลายรูปแบบ และมีรากฐานมาจากความผูกพันและการมีปฏิสัมพันธ์ที่เกื้อกูลกันกับชุมชน
.
4.บริษัทฯ พร้อมที่จะเติบโตด้วยพอร์ตโฟลิโออสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกที่มีคุณภาพ และธุรกิจให้เช่าพื้นที่ (Town Center Business)
.
5.บริษัทฯ พัฒนา Omnichannel Platform ที่มีรากฐานจากการวิเคราะห์และทำความเข้าใจฐานลูกค้าขนาดใหญ่ ที่มีความไว้วางใจในบริษัทฯ มาอย่างยาวนาน
.
6.บริษัทฯ มีผู้บริหารชั้นนำที่มีผลงานที่เป็นที่ยอมรับ และบริษัทฯ ยังได้รับประโยชน์จากเครือข่ายธุรกิจที่กว้างขวาง การร่วมมือและการทำงานร่วมกันภายในเครือข่ายธุรกิจที่หลากหลายของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ
.
กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ
1.มุ่งมั่นในการนำเสนอสินค้าและบริการ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นหลักและสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าของบริษัทฯ
.
2.เสริมสร้างความเป็นผู้นำตลาดภายในประเทศด้วยการขยายหรือปรับปรุง และพัฒนาเครือข่ายร้านค้าทั่วประเทศเพื่อสร้างประสบการณ์ในการเลือกซื้อสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ให้แก่กลุ่มลูกค้าที่มีความไว้วางใจในบริษัทฯ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ยังไม่เคยเข้าถึงธุรกิจของบริษัทฯ
.
3.การเสริมความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ในระดับภูมิภาคโดยถอดแบบความสำเร็จของตลาดในประเทศไทยและปรับใช้กับตลาดในประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน
.
4.บริษัทฯ ตระหนักถึงโอกาสการดำเนินธุรกิจในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว โดย มีแผนสร้างโอกาสสำคัญในการเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายกิจการหลายรูปแบบในประเทศลาวและประเทศกัมพูชา และความเป็นไปได้ในการขยายกิจการไปยังประเทศเวียดนาม’
.
5.ปรับปรุงระบบห่วงโซ่อุปทาน การจัดจำหน่ายสินค้า และโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้บริษัทฯ มีระดับสินค้าคงคลังอย่างพอเพียงในร้านค้าทุกแห่งของบริษัทฯ
.
6.การเพิ่มขีดความสามารถในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation) และการนำเสนอประสบการณ์การเลือกซื้อสินค้าที่เชื่อมต่อระหว่างช่องทางออนไลน์ไปยังช่องทางออฟไลน์ (Online-to-Offline) ได้อย่างราบรื่นให้กับลูกค้า
.
สุดท้ายการหวนคืนตลาดหุ้นในครั้งนี้ บริษัทมีวัตถุประสงค์ของการระดมทุน โดยนำเงินไปใช้การลงทุนในการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ การชำระคืนเงินกู้ยืม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจ
.
โดยมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของกําไรสุทธิของผลประกอบการโดยรวมของกลุ่มบริษัทฯ โดยยังไม่รวมผลกำไรหรือขาดทุนจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน และไม่รวมผลกำไรหรือขาดทุนหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายและข้อบังคับของบริษัทกำหนดไว้


.
หมายเหตุ อ้างอิงจากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ และร่างหนังสือชี้ชวน (แบบไฟลิ่ง) ของ BRC