ส่องกำไรแบงก์ Q2/65 ลุ้นโต 6.7% ดันครึ่งปีแรกทะลุแสนลบ.

ใกล้เข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/65 ซึ่งกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (แบงก์) จะเป็นกลุ่มที่ประเดิมประกาศออกมาเป็นกลุ่มแรก โดยเบื้องต้นมีบทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำคาดการณ์กำไรสุทธิของแบงก์หลักๆ อาทิ BAY,BBL, KBANK, KKP, KTB, SCB, TISCO และ TTB ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็มีทั้งบริษัทที่กำไรเติบโตและลดลงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน

.

* บล.ฟิลลิปฯ คาดกำไร Q2/65 โตกว่า 6.7% รับรายได้ดบ.พุ่ง-สำรองฯลด

โดยบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุคาดว่า 8 แบงก์หลัก อาทิ BAY,BBL, KBANK, KKP, KTB, SCB, TISCO และ TTB ที่ทางฝ่ายวิจัยทำการศึกษาจะมีกำไรในช่วงไตรมาส 2/65 รวมกัน 5.35 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และ +3.4% จากช่วงไตรมาสก่อนหน้า ถึงแม้คาดว่ากำไรของ BAY จะลดลงมาก เนื่องจากในงวดไตรมาส 2/64 มีกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนจำนวนมาก แต่การเติบโตของสินเชื่อทำให้รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ประกอบกับการลดระดับการตั้งสำรองลง จึงทำให้กำไรของกลุ่มเพิ่มสูงขึ้น

.

ขณะที่คาดกำไรรวมกลุ่มแบงก์ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 65 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยทุกธนาคารมีกำไรเพิ่มขึ้นยกเว้นเพียง BAY ที่ปีก่อนมีกำไรจากการขายเงินลงทุนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะ KTB และ KKP ที่มีการลดระดับการตั้งสำรองฯลง จึงทำให้มีกำไรในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ที่เพิ่มขึ้นโดดเด่นที่สุด

.

อย่างไรก็ตามยังคงแนะนำ “ลงทุนมากกว่าตลาด” จากประโยชน์ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น นอกจากนี้คาดว่าสินเชื่อจะเติบโตต่อเนื่อง จากความต้องการสินเชื่อภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่อนคลายลง รวมถึงยังมองว่ากลุ่มธนาคารจะได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งจะทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อผลประกอบการกลุ่มแบงก์ โดยเลือก BBL เป็นหุ้น Top pick ของกลุ่มฯ

.

* บล.เอเซีย พลัส คาดกำไรแบงก์ยังทรงตัว หวั่นค่าฟีธุรกิจหลักทรัพย์ชะลอตัว

นายภาสกร หวังวิวัฒน์เจริญ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผย "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ว่าคาดการณ์กำไรกลุ่มแบงก์ไตรมาส 2/65 ซึ่งประกอบด้วย 8 บริษัทจะอยู่ที่ 5.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่าทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนและช่วงไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจาก BAY ไม่มีกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุน TIDLOR เหมือนในปีก่อนแล้ว แต่ยังมีแรงหนุนจากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่ยังบวกต่อเนื่องจากสินเชื่อที่ขยายตัวมากขึ้น ซึ่งมาช่วยชดเชยในส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย อาทิ รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจตลาดทุนและธุรกิจหลักทรัพย์ที่ชะลอตัวลง รวมถึงคาดว่าการตั้งสำรองฯของแต่ละแบงก์น่าจะปรับตัวลดลงตามไปด้วย

.

ขณะที่คาดว่าตัวเลขหนี้เสีย (NPL) ยังไม่ได้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากนัก หรืออาจเพิ่มขึ้นไม่เกิน 0.1% จากช่วงไตรมาส 1/65 แต่ยังต้องจับตาดูแนวโน้มลูกหนี้ที่ถูกเลื่อนตกชั้นลงมา หลังจากปัจจุบันภาระค่าครองชีพของประชาชนมีแนวโน้มที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาก ด้านส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) คาดว่าช่วงไตรมาส 2/65 ยังไม่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่แนวโน้มหลังจากนี้อาจขยับขึ้นได้ หลังกนง.ส่งสัญญาณปรับอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น

.

* บล.ทิสโก้ คาด 7 แบงก์ทำกำไรได้ 4.8 หมื่นลบ.

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่าประเมินว่ากำไรแบงก์ในช่วงไตรมาส 2/65 จำนวน 7 บริษัท น่าจะทำได้ประมาณ 48,499 ล้านบาท หรือทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากที่ BAY ไม่มีกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนเหมือนกับช่วงเดียวกันปีก่อน จึงทำให้ฐานปีก่อนค่อนข้างสูง ประกอบกับตลาดหุ้นได้รับผลกระทบจากความวิตกกังวลการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯและปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้คาดว่ารายได้ในส่วนของธุรกิจหลักทรัพย์ อาทิ ของนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และกองทุนรวมน่าจะปรับตัวลดลง

.

"ตอนแรกมองว่ากำไรแบงก์ไตรมาส 2/65 จะเติบโตเมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนและไตรมาส 1/65 อย่างไรก็ตามพอตลาดหุ้นปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้คาดว่ารายได้ในส่วนองนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และกองทุนรวมน่าจะปรับตัวลดลงตามไปด้วย โดยคาดกำไรของ 7 แบงก์น่าจะทำได้เพียง 48,499 ล้านบาท" นายอภิชาติ กล่าว