กลุ่มโรงกลั่นขยับขึ้นยกแผง ขานรับค่าการกลั่นพุ่งนิวไฮเหนือ 10 เหรียญฯหลังหลายโรงกลั่นในเท็กซัสปิดชั่วคราว
บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ค่าการกลั่นทำจุดสูงสุดในรอบ 20 เดือนเป็นบวกต่อกลุ่มโรงกลั่น +12.65% จาก Supply น้ำมันสำเร็จรูปที่หายไป หลังเกิดพายุเฮอริเคน Harvey บริเวณอ่าวเม็กซิโก ทำให้โรงกลั่นหลายโรงในรัฐเท็กซัสต้องปิดตัวลงชั่วคราว
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ที่เริ่มเกิดพายุ Harvey เมื่อสัปดาห์ก่อน ค่าการกลั่นได้ปรับเพิ่มขึ้นมาแล้วกว่า 22.63% เป็นปัจจัยบวกโดยตรงต่อกลุ่มโรงกลั่น
บมจ.ไทยออยล์ (TOP)
บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP)
บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC)
บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC)
บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO)
บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC)
ระยะสั้นจึงสามารถที่จะเลือกลงทุนในกลุ่มหุ้นนี้ได้ แต่ควรต้องระวังความผันผวนของค่าการกลั่นในระยะถัดไป เนื่องจากค่าการกลั่นที่สูงที่สุดในรอบ 20 เดือนนี้จะจูงใจให้โรงกลั่นทั่วโลกเร่งผลิตน้ำมันสำเร็จรูปออกสู่ท้องตลาด อีกทั้งเมื่อพายุ Harvey สงบลงโรงกลั่นที่ปิดตัวลงไปสามารถที่จะกลับมาผลิตได้ตามปกติ
นอกจากนั้นฤดูกาลขับขี่ที่จะสิ้นสุดลงในเดือน ก.ย.จะทำให้ความต้องการใช้แก๊สโซลีนมีน้อยลง ทั้งหมดน่าจะส่งผลทำให้สต็อกน้ำมันสำเร็จรูปพุ่งขึ้นจากระดับปัจจุบันที่อยู่กรอบบนในรอบ 5 ปี และจะกลายเป็นปัจจัยลบที่ย้อนกลับมากดดันค่าการกลั่นอีกครั้ง
ที่มา อินโฟเควสท์
อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2702700