ห้องเม่าปีกเหล็ก

ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของดัชนีราคาหุ้น (Moving Average Price)

โดย dave
เผยแพร่ :
84 views

ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของดัชนีราคาหุ้น (Moving Average Price)

 

การที่ดูแต่ดัชนีราคาหุ้นตรง ๆ จะเห็นแค่ว่าที่ผ่านมาแนวโน้ม ของราคาหุ้นโดยเฉลี่ยเป็นอย่างไร ซึ่งอธิบายได้ทั้งตามทฤษฎีของ ดาว และของอีลเลียต แต่ก็มิได้ให้ความหมายในลักษณะเป็นรูปธรรม ว่าจะทำอย่างไรกับเงินในกระเป๋าของคุณอยู่ดี เพราะมันมิได้บอกว่า ควรจะซื้อเมื่อไหร่ หรือควรจะขายเมื่อไหร่

ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของดัชนีราคาหุ้น หรือ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของราคาหุ้น (Moving Average Price) จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยบอกจังหวะเวลาที่ควรจะซื้อหรือควรจะขายได้ดี เพราะจะชี้ให้เห็นถึงต้นทุนโดย
เฉลี่ยของนักเล่นหุ้นในแต่ละช่วงเวลา

ถ้าคุณไม่ใช่นักสถิติ ลองดูวิธีการหาค่า MAP หน่อยเป็นไร ถ้า สมมติดัชนีราคาหุ้น 10วันที่ผ่านมาเป็นตัวเลขตามตารางข้างล่าง ค่า MAP 3 วัน จะได้เท่ากับ ค่าดัชนีราคาหุ้น3 วันรวมกัน แล้วหารด้วย 3 แล้วตัดวันแรกออก บวกวันต่อมาได้เท่าไร หารด้วย 3 ทำอย่างนี้ไป เรื่อยๆก็จะได้ค่า MAP 3วัน (ดูตารางข้างล่างประกอบ)

ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของดัชนีราคาหุ้น

ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MAP) จะกำหนดระยะเวลาไว้เท่าไรไม่มีกติกาตายตัว ถ้าผลการทดสอบจากข้อมูลในอดีตได้ระยะเวลาใดที่เห็นว่าตรงกับความเป็นจริงก็จะเลือกใช้ระยะเวลานั้น

ปรกติการใช้ MAP จะใช้3ระยะเวลาเปรียบเทียบกัน คือ
1.    ระยะสั้น ประมาณ 12-40วัน เพื่อแสดงถึงต้นทุนของนักเก็งกำไร ในต่างประเทศจะใช้25หรือ 40 วันเป็นส่วนมาก แต่ในเมืองไทย ที่เหมาะคือ 12วัน อาจเป็นเพราะคนไทยมีลักษณะนิสัยที่กล้าเสี่ยง ระยะสั้น ๆ มากกว่าก็ได้

2.    ระยะปานกลาง ประมาณ 70-100วัน ซึ่งจะแสดงถึงต้นทุน ของนักเล่นหุ้นโดยทั่วไปหรือส่วนใหญ่ของตลาดหุ้น เมืองไทยตัวเลข ที่ เหมาะน่าจะ เป็น70วัน

3.    ระยะยาว ประมาณ 150-200วัน ซึ่งจะแสดงถึงต้นทุนของ นักลงทุนที่ชอบถือหุ้นเป็นระยะเวลานานๆแรมปี เมืองไทยตัวเลข ที่เหมาะน่าจะเป็น 150วัน

ตามทฤษฎี เมื่อนำค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่มาจุดลงบนกราฟคู่กับค่าจริง จะสามารถบอกสัญญาณซื้อสัญญาณขายหุ้นได้

สัญญาณซื้อหุ้น พิจารณาจากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ราคาหุ้น

1. ถ้าดัชนีราคาหุ้นหรือราคาหุ้นขึ้นไปตัดค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่กำลังมีแนวโน้มขึ้น
สัญญาณซื้อหุ้น ราคาตัดค่าเฉลี่ยขึ้นไป
2. ถ้าดัชนีราคาหุ้น หรือราคาหุ้นตกลงมาแตะเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แล้วสะท้อนกลับขึ้น
สัญญาณซื้อหุ้น ลงมาชนค่าเฉลี่ยแล้วสะท้อนกลับ
3. ถ้าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เริ่มเปลี่ยนทิศจากตกลง เป็นขึ้น หรือมีลักษณะเป็นแนวราบ

สัญญาณซื้อหุ้น 3

สัญญาณขายหุ้น พิจารณาจากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ราคาหุ้น

1.    ถ้าดัชนีราคาหุ้น หรือราคาหุ้นตกผ่านเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

สัญญาณขายหุ้น
2.    ถ้าดัชนีราคาหุ้น หรือราคาหุ้น ลดต่ำผ่านเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ที่มีแนวโน้มโค้งลง

สัญญาณขายหุ้น 2
3.    ถ้าเส้นดัชนีราคาหุ้น หรือราคาหุ้น ขึ้นไปตะเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ แต่ไม่สามารถทะลุผ่านไปได้
แต่ถ้าใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้ง 3 เส้นประกอบกัน คือ เส้นระยะสั้น เส้นระยะปานกลาง และเส้นระยะยาว จะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน แม่นยำยิ่งขึ้น

สัญญาณขายหุ้น 3

 

ในภาวะกระทิง (Bull Market) สังเกตเส้นค่าเฉลี่ยทั้ง 3ได้ คือ เส้นค่าเฉลี่ยทั้ง 3 เส้นจะมีแนวโน้มที่สูงขึ้น โดยมีค่าเฉลี่ยระยะสั้น อยู่สูงสุด ค่าเฉลี่ยระยะปานกลางอยู่ตรงกลาง และค่าเฉลี่ยระยะยาว อยู่เส้นล่างสุด ซึ่งเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวยังเห็นแนวโน้มที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ หรืออยู่ในแนวนอนราบ
ในภาวะหมี (Bear Market) จะเห็นตรงข้าม คือ เส้นค่าเฉลี่ย ทั้ง 3 เส้น มีแนวโน้มที่ลดลง โดยมีค่าเฉลี่ยระยะสั้นอยู่ต่ำสุด ค่าเฉลี่ยระยะปานกลางอยู่ตรงกลาง และค่าเฉลี่ยระยะยาวอยู่เส้นสูงสุด ซึ่งเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวยังเห็นแนวโน้มที่ลดลงเรื่อย ๆ หรืออยู่ในแนวนอนราบ ในภาวะที่ไม่แน่นอน จะมีสภาพที่เส้นค่าเฉลี่ยระยะปานกลางหันลง หรือค่าเฉลี่ยระยะสั้นและค่าเฉลี่ยระยะปานกลางตกต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่กำลังขึ้น ซึ่งดูเหมือนว่าภาวะกระทิงกำลังจะหมดไป เพื่อเริ่มต้นของภาวะหมี แต่ก็อาจจะไม่เป็นจริงดังว่านี้ก็ได้

การใช้ค่าเฉลี่ย ต้องใช้ทั้ง 3 เส้น ผสมผสานกันจึงจะชี้แนวทาง ปฏิบัติได้ชัดเจน แม่นยำ เช่นว่า

จงอย่าซื้อหุ้นเมื่อเป็นภาวะหมี ให้เริ่มซื้อเมื่อภาวะหมีมีทีท่าว่ากำลังจะหมดไป และภาวะกระทิงกำลังจะเริ่มขึ้นเท่านั้น

ก็เพราะนักเก็งกำไรต้องการซื้อถูกขายแพงอย่างเดียว การซื้อหุ้นเก็บไว้นาน ๆ ไม่ใช่นิสัยของนักเก็งกำไร ฉะนั้นถ้าเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวมีแนวโน้มที่ลดลงอยู่ ให้อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องซื้อ

-ให้เริ่มซื้อเมื่อสัญญาณของภาวะกระทิงเริ่มต้นขึ้น คือ เมื่อ ค่าเฉลี่ยระยะสั้นอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว

-ให้ซื้อเพิ่มขึ้นไปอีกเรื่อย ๆ เมื่อเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นยังคงอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น

-ให้ตะลุยซื้อเต็มที่ เมื่อเส้นค่าเฉลี่ยทั้ง 3 เส้น ชี้ทิศทางเดียวกันหมด คือเพิ่มสูงขึ้น เพราะนั่นคือสัญญาณของกระทิงที่แท้จริง ซึ่ง จะต้องเป็นกระทิงต่อไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน (นี่ว่ากันตามการวิเคราะห์ ของฝรั่งนะครับ)

-ให้ถือหุ้นที่ซื้อไว้เต็มที่นั้นไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีสัญญาณที่เห็นเด่นชัดว่าให้ขาย ซึ่งอาจต้องดูการวิเคราะห์ทางเทคนิควิธีอื่นๆ ประกอบ หรืออาจต้องดูเฉพาะเจาะจงเป็นหุ้นรายตัวที่ซื้อไว้ด้วย เพราะ ลำพังดูแต่ค่าเฉลี่ยอย่างเดียว อาจทำให้สัญญาณขายมาล่าช้าไปจนเห็น ภาวะหมีเข้าจริง ๆ แล้วจึงขายหุ้น จะได้กำไรไม่เต็มที่ว่างั้นเถอะ

ลองดูค่าเฉลี่ยทั้ง 3 เส้นจากกราฟ ที่เขียนจังหวะเข้า ออกให้แล้ว และย้อนกลับไปดูวิธีอ่านที่พูดไว้แต่แรกจะทำให้เห็นภาพพจน์ที่แจ๋วขึ้น

ถ้าจะเลือกเอา MAP ไปใช้ ก็ขอให้โชคดีครับ ข้อสำคัญ ถ้าอ่านกราฟเก่ง แต่ทำกราฟผิดก็ไม่ได้ผล หรือทำกราฟเก่ง แต่อ่านกราฟไม่เป็น ก็ไม่ได้ผลเช่นกันครับ

 

ขอบคุณที่มาข้อมูลจาก : การเงินธนาคาร และ setmai.com


dave