ห้องเม่าปีกเหล็ก

สำรวจ 10 หุ้นโรงไฟฟ้าใหญ่ที่สุด มูลค่าบริษัทเพิ่มเท่าไรนับจาก IPO

โดย dave
เผยแพร่ :
123 views

สำรวจ 10 หุ้นโรงไฟฟ้าใหญ่ที่สุด มูลค่าบริษัทเพิ่มเท่าไรนับจาก IPO

หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ยังคงเป็นหุ้นที่นักลงทุนสนใจมากที่สุดในอันดับต้นๆ จากผลประกอบการเติบโตแบบก้าวกระโดด บางบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ไม่นาน มูลค่าบริษัทหรือมาร์เกตแคป จากหลักหมื่นล้านพุ่งไปหลายแสนล้านบาท ด้านผลตอบแทนด้านราคานับจากวันที่ IPO ก็ทะยานไปหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งในปัจจุบันมีหุ้นโรงไฟฟ้าประมาณเกือบ 20 หลักทรัพย์ และ 10 อันดับที่มีมาร์เกตแคปสูงที่สุดในตารางประกอบด้วย

1.บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) มีมาร์เกตแคปอยู่ที่ 398,927.10 ล้านบาท ก่อตั้งโดยนายสารัชถ์ รัตนาวะดี CEO และผู้ถือหุ้นใหญ่สุด 35.44% ตั้งบริษัทมา 10 ปี เข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2560 มาร์เกตแคป ณ IPO อยู่ที่ 95,998.50 ล้านบาท ล่าสุด 398,927.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 302,928.60 ล้านบาท 

ขณะที่ราคา IPO 45.00 บาท ณ วันที่19 ก.พ. 64 ปิด 34.00 บาท เพิ่มขึ้น 277.78% และแตกพาร์เมื่อ16 เม.ย.63 พาร์เก่า 5.00 ใหม่ 1.00 บาท ผลตอบแทนด้านราคา ในปี 62 พุ่งแรงบวกไปถึง +103.68% แต่พอปี 63 บวกเล็กๆ +4.34% ส่วนในปี 64 เทียบราคาสิ้นปี 63 ปิดที่ 34.25 บาท ล่าสุด 19 ก.พ.64 ปิดที่ 34.00 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ -0.73% ยังเหลือราคาอัพไซด์อีก10.29% (ราคาเป้าหมาย 37.50 บาท)

2.บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) มาร์เกตแคป 245,247.50 ล้านบาท ก่อตั้งโดย นาย สมโภชน์ อาหุนัย CEO และผู้ถือหุ้นใหญ่สุด 23.50% ก่อตั้งบริษัทมา15 ปี เข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2556 มาร์เกตแคป ณ IPO อยู่ที่ 20,515.00 ล้านบาท ล่าสุด 245,247.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 224,732.50 ล้านบาท

ขณะที่ราคา IPO 5.50บาท ณ วันที่19 ก.พ.64 ปิด 65.75 บาท เพิ่มขึ้น 60.25 บาท หรือ 1,095.45% ผลตอบแทนด้านราคาในปี 62 บวกเล็กๆ แค่ +2.94% แต่พอปี 63 ดีขึ้น +12.57% ส่วนปี 64 เทียบสิ้นปี 63 ปิดที่ 49.25บาท ล่าสุด 19 ก.พ.64 ปิดที่ 65.75 บาท เพิ่มขึ้น16.50 บาท หรือ +33.50% ยังเหลือราคาอัพไซด์อีก 4.94% (ราคาเป้าหมาย 69.00 บาท)

3.บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) มาร์เกตแคป 219,233.96 ล้านบาท มีบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นใหญ่สุด 22.81% ก่อตั้งบริษัทมา 8 ปี เข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2558 มาร์เกตแคป ณ IPO อยู่ที่ 40,454.12 ล้านบาท ล่าสุด 219,233.96 ล้านบาท เท่ากับ 6 ปีที่ผ่านมา มูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้น 178,779.84 ล้านบาท 

ขณะที่ราคา IPO 27.00 บาท ณ วันที่ 19 ก.พ. 64 ราคา 77.75 บาท เพิ่มขึ้น 50.75 บาท หรือ +187.96% ผลตอบแทนด้านราคาในปี 62 พุ่งแรงบวกไปถึง +64.53% แต่พอปี 63 ดิ่งลง -13.99% ส่วนปี 64 เทียบราคาสิ้นปี 63 ปิดที่ 73.75 บาท ล่าสุด 19ก.พ.64 ปิดที่ 77.75 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท หรือ +5.42% ยังเหลือราคาอัพไซด์อีก 6.10% (ราคาเป้าหมาย 82.50 บาท)

4.บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) มาร์เกตแคป 129,041.55 ล้านบาท มี B. Grimm Power (Singapore) Pte. Ltd. ถือหุ้นใหญ่สุด 30.46% ก่อตั้งบริษัทมา 28 ปี เข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2560 มาร์เกตแคป ณ IPO อยู่ที่ 40,668.80ล้านบาท ล่าสุด 129,041.55 ล้านบาท เท่ากับ 4 ปีที่ผ่านมา มูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้น 88,372.75 ล้านบาท

ขณะที่ราคา IPO 16.00 บาท ณ วันที่ 19 ก.พ.64 ราคา 49.50 บาท เพิ่มขึ้น 33.50 บาท หรือ +209.37% ผลตอบแทนด้านราคา ในปี62 พุ่งแรงบวกไปถึง +98.11% แต่พอปี 63 ดิ่งลง -7.62% ส่วนปี 64 เทียบราคาสิ้นปี 63 ปิดที่ 48.50บาท ล่าสุด 19 ก.พ.64 ปิดที่ 49.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ +2.06% ยังเหลือราคาอัพไซด์อีก 14.14% (ราคาเป้าหมาย 56.50 บาท)

5.บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) มาร์เกตแคป 93,184.30 ล้านบาท การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ถือหุ้นใหญ่สุด 25.41% ก่อตั้งบริษัทมา 29 ปี เข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2538 มาร์เกตแคป ณ IPO อยู่ที่ 11,582 ล้านบาท ล่าสุด 19 ก.พ.64 มาร์เกตแคป 93,184.30 ล้านบาท เท่ากับ 26 ปีที่ผ่านมา มูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้น 81,602.30 ล้านบาท

ขณะที่ราคา IPO 22.00 บาท และ ณ วันที่ 19 ก.พ. 64 ราคา 177.00 บาท เพิ่มขึ้น 155.00 บาท หรือ +704.54% ผลตอบแทนด้านราคาในปี 62 พุ่งแรงบวกไปถึง +32.26% แต่พอปี 63 กลับดิ่งลบไปถึง -41.31% ส่วนปี 64 เทียบราคาสิ้นปี 63 ปิดที่192.50 บาท ล่าสุด 19 ก.พ.64 ปิดที่ 177.00 บาทลดลง 15.50 บาท หรือ -8.05% ยังเหลือราคาอัพไซด์อีก 59.32% (ราคาเป้าหมาย 282.00 บาท)

6.บมจ.ราช กรุ๊ป (RATCH) มาร์เกตแคป 75,037.50ล้านบาท การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยถือหุ้นใหญ่สุด 45.00% ก่อตั้งบริษัทมา 21 ปี เข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2543 มาร์เกตแคป ณ IPO อยู่ที่ 18,850 ล้านบาท ล่าสุด 75,037.50 ล้านบาท เท่ากับ 21ปีที่ผ่านมา มูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้น 56,187.50 ล้านบาท

ขณะที่ราคา IPO 13.00 บาท ณ วันที่ 19 ก.พ. 64 ราคา 51.75 บาท เพิ่มขึ้น 38.75 บาท หรือ +298.08% ผลตอบแทนด้านราคาในปี 62 พุ่งแรงบวกไปถึง +35.47% แต่พอมาในปี 63 กลับดิ่งลงลงลบไปถึง -22.91% ส่วนปี 64 เทียบราคาสิ้นปี 63 ปิดที่ 53.00 บาท ล่าสุด 19 ก.พ.64 ปิดที่ 51.75 บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ -2.36% ยังเหลือราคาอัพไซด์อีก 42.99% (ราคาเป้าหมาย 74.00 บาท)

7.บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) มาร์เกตแคป 62,545.94 ล้านบาท มี บมจ.บ้านปู ถือหุ้นใหญ่สุด 78.57% ก่อตั้งบริษัทมา 25 ปี เข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2559 มาร์เกตแคป ณ IPO อยู่ที่ 63,959.53 ล้านบาท ล่าสุด 62,545.94 ล้านบาท เท่ากับ 4 ปีที่ผ่านมา มูลค่าบริษัทลดลง 1,413.59 ล้านบาท

ขณะที่ราคา IPO 21.00 บาท ณ วันที่ 19 ก.พ.64 ราคา 20.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ -2.38% ผลตอบแทนด้านราคาในช่วง 2 ปีหลังไม่สดใสนัก โดยในปี 62 ลงหนักถึง -20.63% ส่วนในปี 63 ติดลบอยู่ที่ -14.69% ส่วนปี 64 สดใสเทียบราคาสิ้นปี 63 ปิดที่ 15.10 บาท ล่าสุด 19 ก.พ.64 ปิดที่ 20.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.40 บาท หรือ +35.76% เกินราคาพื้นฐานไปแล้ว (ราคาเป้าหมาย 19.50 บาท)

8.บมจ.บีซีพีจี (BCPG)

 

มาร์เกตแคป 40,133.74 ล้านบาท มี บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น ถือหุ้นใหญ่สุด 70.04% ก่อตั้งบริษัทมา 7 ปี เข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2559 มาร์เกตแคป ณ IPO อยู่ที่ 19,900 ล้านบาท ล่าสุด 40,133.74 ล้านบาท เท่ากับ 5 ปีที่ผ่านมา มูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้น 20,233.74 ล้านบาท

ขณะที่ราคา IPO 10.00 บาท และวันที่ 19ก.พ.64 ราคา 15.20 บาท เพิ่มขึ้น 5.20 บาท หรือ +52.00% ผลตอบแทนด้านราคาปี 62 บวกเล็กๆ +6.58% ส่วนในปี 63 ไม่ดีนัก -11.14% ส่วนปี 64 เทียบสิ้นปี 63 ปิดที่ 14.20 บาท ล่าสุด 19 ก.พ.64 ปิดที่ 15.20 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ +7.04% ยังเหลือราคาอัพไซด์อีก 11.84% (ราคาเป้าหมาย 17.00 บาท)

9.ACE (บมจ.แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้) มาร์เกตแคป 38,261.76 ล้านบาท มีพล.ต.อ. วิระชัย ทรงเมตตา อดีต รองผบ.ตร. ถือหุ้นใหญ่สุด 22.43% ก่อตั้งบริษัทมา 9 ปี เข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2562 มาร์เกตแคป ณ IPO อยู่ที่ 44,774.40 ล้านบาท ล่าสุด 38,261.76 ล้านบาท เท่ากับ 2 ปีที่ผ่านมา มูลค่าบริษัทลดลง 6,512.64 ล้านบาท

ขณะที่ราคา IPO 4.40 บาท และ ณ วันที่ 19 ก.พ.64 ราคา 3.76 บาท ลดลง 0.64 บาท หรือ -14.54% ผลตอบแทนด้านราคาในปี 62 ไม่ดีนัก -4.09% แต่พอปี 63 ลบหนักกว่าเดิม -13.74% ส่วนปี 64 เทียบจากราคาสิ้นปี 63 ปิดที่ 3.64 บาท ล่าสุด 19 ก.พ.64 ปิดที่ 3.76 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท หรือ +3.30%

10.TPIPP (บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์) มาร์เกตแคป 36,792.00 ล้านบาท มี บมจ.ทีพีไอ โพลีน ถือหุ้นใหญ่สุด 70.24% ก่อตั้งบริษัทมา 10 ปี เข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2560 มาร์เกตแคป ณ IPO อยู่ที่ 58,800.00 ล้านบาท ล่าสุด 19 ก.พ.64 มาร์เกตแคป 36,792.00 ล้านบาท เท่ากับ 4 ปีที่ผ่านมา มูลค่าบริษัทลดลง 22,008 ล้านบาท

ขณะที่ราคา IPO 7.00 บาท และวันที่ 19 ก.พ.64 ราคา 4.38 บาท ลดลง 2.62 บาท หรือ -37.43% ผลตอบแทนด้านราคา ในปี 62 ทรุดหนัก -22.12% แต่พอปี 63 ดีขึ้นแค่ยังลบอยู่ -2.73% ส่วนปี 64 เทียบจากราคาสิ้นปี 63 ปิดที่ 4.28 บาท ล่าสุด 19 ก.พ.64 ปิดที่ 4.38 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ +2.34% ยังเหลือราคาอัพไซด์อีก 14.15% (ราคาเป้าหมาย 5.00 บาท)

น่าสังเกตว่าในปี 2562 กลุ่มหุ้นโรงไฟฟ้า ทำผลตอบแทบด้านราคาได้ในระดับที่สูง แต่พอปี 2563 ส่วนใหญ่จะติดลบ และในปี 2564 ผ่านมาเกือบ 2 เดือน หลายหลักทรัพย์มีแนวโน้มค่อนข้างดีเลยทีเดียว และหลังจากนี้อาจจะต้องติดตามกันต่อไปว่าจากสภาวะทางเศรษฐกิจที่ยังมีความผันผวนอยู่จะสร้างฝ่าด่านดีดขึ้นไปได้อีกหรือไม่

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


dave