ซีไอเอ็มบีไทย ปรับจีดีพีปีนี้เหลือ 2.2% ชี้ วัคซีนคือความหวัง ฟื้น เศรษฐกิจไทย
นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ได้ปรับมุมมอง เศรษฐกิจไทย ปี 2564 จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 2.6% มาอยู่ที่ 2.2% จากการรับมือการระบาดโควิดรอบ 3 ที่ส่งผลกระทบการบริโภคในประเทศรุนแรง แต่มุมมองไม่ได้ปรับลดลงแรงเพราะการส่งออกที่คาดว่าจะเติบโตได้เฉียด 10% จะเป็นตัวสนับสนุนเศรษฐกิจ พร้อมๆ กับการให้เกิดการลงทุนในประเทศที่ยังโตต่อเนื่องได้ เพียงแต่ไทยยังขาดการท่องเที่ยวจากต่างชาติ ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจไทยโตช้าสำหรับปีนี้
ทั้งนี้จากการระบาดของโควิดระลอก 3 จนนำมาซึ่งมาตรการเข้มงวดรอบ 2 ที่ฉุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง แต่เศรษฐกิจไทยยังมีอีก 1 ความหวัง คือ การเข้ามาของวัคซีนและฉีดให้ประชาชนคนไทยอย่างทั่วถึงภายในปีนี้ ซึ่งโควิดระลอก 3 มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงมาก ส่งผลให้ภาครัฐออกมาตรการค่อนข้างเข้มงวดในการควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันคล้ายการล็อคดาวน์รอบแรก สิ่งที่คล้ายกับรอบแรกคือ การบริโภคภาคเอกชนลดลงค่อนข้างแรง คนออกจากบ้านน้อยลง ร้านค้าเปิดทำการด้วยจำนวนชั่วโมงที่ลดลง กระทบกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยภาพรวม ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกนี้จะเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค หรือเศรษฐกิจหดตัวไตรมาสเทียบไตรมาส ติดต่อกัน 2 ไตรมาส
อย่างไรก็ดี รอบนี้แตกต่างตรงที่เศรษฐกิจเทียบปีต่อปีจะไม่ถดถอยรุนแรงเท่าปีที่แล้ว เพราะมีภาคการส่งออกเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญ โดยการส่งออกเดือน มี.ค.เติบโตก้าวกระโดดขึ้นมาที่ 8% จากการเร่งตัวของเศรษฐกิจในจีนและสหรัฐ จึงคาดว่าการส่งออกปีนี้จะเติบโตถึง 10% จากอุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ผลิตภัณฑ์เคมี ยาง และกลุ่มอาหาร รวมถึงการจ้างงานที่เกี่ยวข้องกับภาคส่งออกที่จะฟื้นตัวได้ดีอีกด้วย ดังนั้น รายได้นอกภาคเกษตรปีนี้จะขยับขึ้น ส่งผลให้คนมีความสามารถจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ขณะที่รายได้ภาคเกษตรน่าจะดีกว่าปีก่อน เพราะภัยแล้งปีนี้ไม่น่ารุนแรง ประกอบกับราคาสินค้าเกษตร ส่วนใหญ่มีแนวโน้มขยับขึ้น
“ความท้าทายของเศรษฐกิจไทยรอบนี้จึงอยู่ที่การควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส คู่ขนานไปกับการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ให้เร็วที่สุดเพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเปิดขึ้นมาได้อีกครั้ง ความหวังหนึ่งเดียวของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจปีนี้อยู่ที่วัคซีน เพราะถ้ายังฉีดไม่ทั่วถึง มีความเสี่ยงจะเกิดการระบาดรอบ 4 รอบ 5 ไปเรื่อยๆ เกิดมาตรการล็อกดาวน์ แล้วผ่อนคลาย วนลูปไปเรื่อยๆ จนกว่าคนไทยจะมีภูมิคุ้มกันป้องกันโควิด ดังนั้น หากการฉีดวัคซีนเร่งตัวได้ทันในไตรมาส 3 ควบคุมการระบาดได้ดีขึ้น ภาครัฐผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดต่างๆ อุปสงค์ในประเทศโดยรวมจะฟื้นตัวไตรมาส 3 เช่นกัน เรียกว่า pent up demand จากการที่คนอัดอั้นในไตรมาส 2 แล้วเริ่มใช้จ่ายหลังเศรษฐกิจเปิดเต็มที่ แม้จะไม่สามารถชดเชยเศรษฐกิจไตรมาส 2 ได้ แต่เศรษฐกิจจะกลับมาดีขึ้น”
ด้านการท่องเที่ยวในประเทศจะฟื้นขึ้นได้หลังการเร่งตัวของวัคซีน สนับสนุนกลุ่มธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และการขนส่ง อย่างไรก็ดี นักท่องเที่ยวต่างชาติอาจยังกังวลรูปแบบการฉีดวัคซีนในประเทศ และยังลังเลกับการเดินทางออกนอกประเทศ จึงอาจไม่สามารถคาดหวังจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เต็มที่
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก