กองทุนไทยโกอินเตอร์

อีกไม่นานจะมีการเซ็นสัญญาข้อตกลง ระหว่างหน่วยงานที่กำกับดูแลตลาดทุนของไทยกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของเยอรมันที่ดำเนินธุรกิจศูนย์ฝากหลักทรัพย์ ในเครือตลาดหุ้นเยอรมัน เพื่อนำกองทุนรวมของประเทศไทย ออกไปเสนอขายนักลงทุนต่างประเทศ และจะทำให้กองทุนรวมของไทยเป็นที่รู้จักทั่วโลก

การนำกองทุนรวมของไทยออกสู่ตลาดสากล ขายหน่วยลงทุนไปทั่วโลก จะนำไปสู่ การเปลี่ยนแปลงที่มีนัยยะสำคัญของการลงทุนในตลาดหุ้น เพราะในอนาคตแต่ละกองทุน จะต้องแข่งขันสร้างผลตอบแทนกันอย่างเข้มข้นขึ้น เพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนทั่วโลก โดยต้องเลือกเฟ้นหุ้นที่จะลงทุนมากขึ้น

นักลงทุนแต่ละกลุ่มต้องทำการบ้าน ติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด ประเมินทิศทางหุ้นตลอดเวลา และวิเคราะห์แนวโน้มผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนอย่างละเอียดและแม่นยำเพราะถ้ามีข้อมูลการตัดสินใจไม่เพียงพอ ประเมินสถานการณ์พลาด

อ่านทิศทางการลงทุนไม่ถูก อาจตกอยู่ในฐานะผู้สูญเสีย

อุตสาหกรรมบริหารจัดการกองทุน เริ่มเติบโตตั้งแต่ปี 2535 โดยก่อนหน้า บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด(มหาชน)หรือ MFC เป็นผู้ผูกขาดการบริหารจัดการกองทุน เพราะเป็นเพียงบริษัทเดียวที่ได้รับใบอนุญาตตั้งแต่ปี 2518

แต่หลังจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 จึงเริ่มอนุมัติใบอนุญาตบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน มีกองทุนใหม่ที่ลงทุนในหลากหลายเกิดขึ้น นักลงทุนหันมาลงทุนผ่านกองทุนมากขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมธุรกิจบริหารจัดการกองทุนเติบโตอย่างวดเร็ว โดยเฉพาะปี 2536 - 2537 แทบจะมีการออกกองทุนกันเป็นรายวัน

นโยบายการส่งเสริมการจัดตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน มีเป้าหมายสร้างนักลงทุนสถาบันที่ลงทุนระยะยาว ถ่วงดุลนักลงทุนรายย่อยที่เกินกว่า 90 % เป็นนักเก็งกำไรระยะสั้น ซื้อขายเร็ว และทำให้ตลาดหุ้นไม่มีเสถียรภาพ เกิดความผันผวนสูง

แต่ปี 2540 หลังวิกฤตต้มยำกุ้ง บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนแทบล่มสลาย นักลงทุนหันหลังให้กองทุนรวม เพราะราคาหน่วยลงทุนกองทุนหุ้น ตกวูบตามตลาดหุ้น

หน่วยลงทุนที่ขายในราคา 10 บาท ตกลงเหลือเพียง 2-3 บาท จนเกิดการประท้วงบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมในวงกว้าง ผู้ถือหน่วยลงทุนที่เสียหาย เรียกร้องให้รัฐบาลเยียวยาผลขาดทุนจากการลงทุน

ขณะที่กองทุนรวมปิด หรือกองทุนที่ลงทุนโดยมีกำหนดระยะเวลาปิดกองทุน และไม่อาจไถ่ถอนหน่วยลงทุนก่อนได้ ต้องแปรรูปเป็นกองทุนเปิด ซึ่งไม่มีระยะเวลาปิดกองทุน เพื่อซื้อเวลารอตลาดหุ้นฟื้น โดยหวังว่าราคาหน่วยลงทุนจะกระเตื้องขึ้น

บทเรียนจากวิกฤตปี 2540 ทำให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมต้องทบทวนนโยบายการบริหารจัดการกองทุนรวม โดยเฉพาะการเสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนต่าง ๆ และการออกแบบกองทุนรวมที่จะเสนอขายประชนทั่วไป โดยเน้นให้ปูพื้นฐานความรู้การลงทุนผ่านกองทุนรวม เรียกความเชื่อมั่นกันใหม่ โดยพยายามสร้างผลตอบแทนที่ดีและมั่นคง จนกองทุนรวมกลายเป็นอีกทางเลือกของการลงทุน

ปัจจุบัน มีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม 25 แห่ง มีนักลงทุนเปิดบัญชีการลงทุนประมาณ 7 ล้านบัญชี บริหารเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 7 ล้านล้านบาท และมีกองทุนรวมให้เลือกลงทุนอย่างหลากหลาย ทั้งที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น กองทุนตราสารหนี้ กองทุนที่มีความเสียงปานกลาง อย่างกองทุนรวมผสมระหว่างตราสารหนี้และหุ้น และกองทุนที่ผลตอบแทนสูงมาพร้อมกับความเสี่ยง คือกองทุนรวมหุ้น

กองทุนรวมของไทย ก้าวไปไกลถึงขั้นลงทุนนอกประเทศแล้ว ทั้งลงทุนตราสารหนี้ สินค้าโภคภัณฑ์ หรือหุ้น โดยขายหน่วยลงทุนระดมเงินจากนักลงทุนในประเทศ และขนเงินไปลงทุนนอกประเทศ แต่ยังไม่เคยออกไปขายหน่วยลงทุนต่างประเทศ เพื่อระดมเงินต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทย

แต่กองทุนรวมของไทยกำลังจะโกอินเตอร์แล้ว โดยบริษัทในกลุ่มดอยช์แบงก์จะเซ็นสัญญาทำข้อตกลงกับหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุน เพื่อนำกองทุนรวมของไทยไปขายนักลงทุนใน 56 ประเทศทั่วโลก 

ซึ่งน่าจะรับความสนใจ เพราะดูผลตอบแทนกองทุนรวมย้อนหลังส่วนใหญ่อยู่อัตราที่ดี

เงินทุนต่างชาติก้อนใหญ่กำลังจะไหลเข้ามาในตลาดทุนไทย ทั้งตลาดตราสารหนี้ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยผ่านกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และตลาดหุ้น ทำให้อุตสาหกรรมบริหารจัดการกองทุนรวมมีอนาคตสดใส โดยจะมีการ จัดตั้งกองทุนใหม่ ๆ อย่างคึกคัก

นักลงทุนคงต้องจับตาปรากฏการณ์กองทุนรวมโกอินเตอร์เอาไว้  ต้องกำหนดกลยุทธ์การลงทุนให้ดี โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดหุ้น เพราะการแข่งขันสร้างผลตอบแทนจะรุนแรงขึ้น จะต้องเลือกเฟ้นหุ้นที่จะลงทุน จังหวะการลงทุน และประเมินแนวโน้มกันอย่างละเอียดยิบ

ใครมีเครื่องมือการลงทุนน้อยกว่า มีข้อมูลการตัดสินใจที่ด้อยกว่า อาจไม่มีสิทธิ์เก็บเกี่ยวความมั่งคั่งจากตลาดหุ้น ซึ่งทุกวันนี้รายย่อยสู้นักลงทุนสถาบัน กองทุนรวม พอร์ตโบรกเกอร์และต่างชาติไม่ได้อยู่แล้ว

หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก คอลัมน์ " ชุมชนคนหุ้น " โดย สุนันท์ ศรีจันทรา ใน MGR Online เมื่อวันที่ 6 กันยายน ปี พ.ศ 2561 และ จํานวนกองทุนรวมในประเทศไทยมีทั้งสิ้น 1,324 กองทุน โดยมีที่มาจาก ( www.google.com )

                 2) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com