รู้จัก The Rule of 20 ที่ Peter Lynch ใช้ประเมินว่า หุ้นถูกหรือแพง - BillionMoney

หลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อของ Peter Lynch อดีตผู้จัดการกองทุนระดับตำนานแห่งกองทุน Fidelity Magellan
เพราะตลอดระยะเวลา 13 ปี ที่เขาบริหารกองทุนนั้น เขาสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้ถึง 29.2% ต่อปี มากกว่าผลตอบแทนของดัชนี S&P 500 ในช่วงเวลาเดียวกัน ถึง 2 เท่า
แล้ว Peter Lynch มีวิธีการวัดความถูก ความแพงของหุ้น ที่เขาสนใจจะลงทุน อย่างไร ?
BillionMoney จะสรุปให้ฟัง แบบเข้าใจง่าย ๆ
วิธีของ Peter Lynch นั้นเรียกว่า The Rule of 20
มีส่วนประกอบหลักที่ใช้เพื่อวิเคราะห์อยู่ 2 อย่าง คือ
- อัตราเงินเฟ้อของประเทศ ในปัจจุบัน
- อัตราส่วนราคาต่อกำไรของหุ้น หรือ P/E Ratio
เราอาจจะสงสัยว่า อัตราเงินเฟ้อ และ P/E Ratio มีความสัมพันธ์กันอย่างไร ถึงสามารถเอามาใช้คำนวณ
ว่าราคาหุ้นถูกหรือแพงได้
ต้องเล่าแบบนี้ก่อนว่า อัตราเงินเฟ้อจะสัมพันธ์กับอัตราดอกเบี้ย และอัตราดอกเบี้ยจะสัมพันธ์กับราคาหุ้นในตลาด เช่น
- เวลาที่อัตราเงินเฟ้อสูง ธนาคารกลางมักจะขึ้นดอกเบี้ย เพื่อชะลอเงินเฟ้อ
- เมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ราคาหุ้นก็มักจะปรับตัวลง
- เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลง ก็จะทำให้ค่า P/E Ratio ลดลงด้วย
เมื่อเราเข้าใจความสัมพันธ์ของอัตราเงินเฟ้อ และ P/E Ratio แล้ว เราก็จะสามารถนำมาใช้คำนวณเพื่อประเมินความถูก ความแพงของหุ้น
ผ่านวิธีการนำอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบัน และ P/E Ratio ของหุ้นมาบวกกัน
หากผลรวมที่ได้ มากกว่า 20 หมายความว่า หุ้นตัวนั้น ในปัจจุบัน กำลังซื้อขายกันอยู่ในระดับราคาที่แพงเกินไป
แต่หากรวมกันแล้ว น้อยกว่า 20 ก็หมายความว่า ตอนนี้หุ้นกำลังซื้อขายกันอยู่ในระดับราคาที่ยังถูกอยู่
ตัวอย่างเช่น หากในปัจจุบัน อัตราเงินเฟ้อของประเทศไทย อยู่ที่ 3.8%
- หุ้น A ที่กำลังซื้อขายกันอยู่บน P/E 10 เท่า
- หุ้น B ที่กำลังซื้อขายกันอยู่บน P/E 18 เท่า
เมื่อนำ P/E ของหุ้น A มาบวกกับอัตราเงินเฟ้อแล้ว จะมีค่าแค่ 13.8 เท่านั้น ซึ่งหมายความว่า ตอนนี้หุ้น A กำลังซื้อขายกันอยู่ในระดับราคาที่ถูก
ในขณะที่ หุ้น B เมื่อนำ P/E มาบวกกับอัตราเงินเฟ้อแล้ว
จะเท่ากับ 21.8 ทำให้ตีความได้ว่า หุ้น B กำลังซื้อขายกันอยู่ในระดับราคาที่แพงเกินไป
การนำ The Rule of 20 มาใช้นั้น ยังไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่การวิเคราะห์หุ้นรายตัวเท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาปรับใช้กับการวิเคราะห์ความถูก ความแพงของตลาดหุ้นทั้งตลาดได้ด้วย
เช่น ปัจจุบันตลาดหุ้นไทย มี P/E ที่ 19 เท่า เมื่อนำมาบวกกับเงินเฟ้อที่ 3.8% จะเท่ากับ 22.8 ซึ่งสูงกว่า 20
จึงสามารถวิเคราะห์ได้ว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ตลาดหุ้นไทย กำลังมีการซื้อขายกันในราคาที่สูงเกินไป
อ่านมาถึงตรงนี้ เราก็คงเข้าใจถึงกฎ The Rule of 20 อันเรียบง่ายที่ Peter Lynch ใช้ในการวัดว่าหุ้นตัวใดตัวหนึ่งกำลังซื้อขายกันอยู่ในราคาถูกหรือแพงเกินไป กันแล้ว
อย่างไรก็ตาม ตัวเลข The Rule of 20 นั้น ก็เป็นเพียงหนึ่งในข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนการซื้อหุ้นเท่านั้น
โดยปัจจัยสำคัญที่เราควรคำนึงเสมอเวลาวิเคราะห์หุ้นก็คือ ปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจ และอุตสาหกรรมที่ธุรกิจนั้นอยู่
เพราะถ้าหากไม่วิเคราะห์ให้ดีก่อน เราก็มีโอกาสที่จะซื้อหุ้นราคาถูก ของบริษัทที่อยู่ในช่วงขาลง หรือบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมตะวันตกดิน ซึ่งก็จะทำให้เราต้องประสบกับการขาดทุน ในท้ายที่สุด..
References
-https://en.wikipedia.org/wiki/Peter_Lynch
-https://www.quantifiedstrategies.com/peter-lynch.../
-https://www.multpl.com/s-p-500-pe-ratio
-https://seekingalpha.com/.../4585842-rule-of-20-why...
-https://www.gurufocus.com/.../57/pe-ratio-ttm-for-the-sp-500
-https://tradingeconomics.com/united-states/inflation-cpi