สวัสดีเพื่อนๆนักลงทุนทุกท่าน วันนี้ผมขอแนะนำโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพมากๆด้านการลงทุนที่จะช่วยแก้ปัญหาความยากสำหรับเพื่อนๆที่ลงทุนแต่ยังไม่มีความรู้ หรือความชำนาญด้าน Technical มากพอที่จะสู้กับตลาดได้ โดยเจ้าโปรแกรมใหม่นี้ชื่อว่า " MT4 " ซึ่งถูกใช้อย่างแพร่หลายในตลาดสากลที่มี Leverage สูงมาก เพราะฉะนั้นเครื่องมือต่างๆของโปรแกรมนี้จะค่อนข้างเที่ยงตรงและตอบสนองต่อการเคลื่อนตัวของราคาได้อย่างรวดเร็วทำให้ได้เปรียบทางด้านต้นทุนหรือจุดซื้อที่เป็นปัญหาใหญ่ของนักลงทุนทุกคน โดยเฉพาะถ้านำมาใช้ในตลาดที่มีการเคลื่อนตัวช้าอย่างตลาดหุ้น DW Block-trade จะทำให้เพื่อนๆสามารถเป็นนักลงทุนด้าน Technical แบบผู้เชี่ยวชาญได้เลยในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งผมจะทยอยอัพเดตเทคนิคการใช้งาน Indicators สำคัญๆที่มีอยู่ในโปรแกรม MT4 สำหรับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดย Indicators ของ MT4 จะถูกจัดเป็นหมวดหมู่แยกออกเป็น 5 ประเภท ดังนี้
1. Trend
2. Oscillators
3. Volumes
4.Bill Williams
5.Indicator เสริมแบบ Special
วันนี้ขอเริ่มจากโหมด Trend เป็นโหมดที่เพื่อนๆนักลงทุนควรทำความเข้าใจเป็นเรื่องแรกซึ่งในโหมด Trend จะมี Indicator ที่สามารถบอกแนวโน้มการเคลื่อนตัวของราคาได้ทั้งหมด 7 เครื่องมือด้วยกัน ได้แก่
1. Average Directional Movement Index
2. Bollinger Bands
3. Envelopes
4. Ichimoku Kinko Hyo
5. Moving Average
6. Parabolic SAR
7. Standard Deviation
มาเริ่มกันเลยนะครับ
EP 01 Average Directional Movement Index (ADX)
1. Average Directional Movement Index หรือ ADX ผู้คิดค้น J.Welles Wilder เจ้า ADX เป็นตัวบ่งชี้ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เค้าสามารถใช้บอกความแข็งแกร่งของแนวโน้ม อีกทั้งยังสามารถประยุกต์ใช้เพื่อบอกสัญญาณ ซื้อ-ขาย (Buy-Sell Signal) ได้อีกด้วย ถือว่าเป็น Indicator ที่ครบเครื่องและให้ความแม่นยำที่ดีมากเลย
Average Directional Movement Index จะประกอบไปด้วย 3 เส้นที่ใช้วัดความแข็งแกร่งของเทรน เรามาดูความหมายของ 2 เส้นแรกก่อน
1.1 DI+ (เส้นสีเขียว) คือเส้นที่ใช้เป็นตัวแทนสัดส่วนของการซื้อ (Buy Signal) ถ้าเส้น Di+ ตัด Di- ขึ้นมาจะมีความหมายว่าฝั่งซื้อถือครองสัดส่วนความได้เปรียบ ราคาของผลิตภัณฑ์จะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในระยะเวลาต่อมา ถือเป็นจุดซื้อที่ดี
1.2 DI- (เส้นสีแดง) คือเส้นที่ใช้เป็นตัวแทนสัดส่วนของการขาย (Sell Signal) ถ้าเส้น Di- ตัด Di+ ขึ้นมาจะมีความหมายว่าฝั่งขายถือครองสัดส่วนความได้เปรียบ ราคาของผลิตภัณฑ์จะมีโอกาสปรับตัวลดลงในระยะเวลาต่อมา ถือเป็นจุดขายหรือลดการลงทุนเพื่อถอยมาตั้งหลักก่อน Hi-light สำคัญคือเส้นที่ 3 ADX
1.3 ADX จะบอกความแข็งแกร่งของแนวโน้มเมื่อเกิดความชันในทิศทางตั้งขึ้นแสดงถึงตลาดมีความแข็งแกร่งของแนวโน้มมาก เช่น ถ้า Di+ ตัดเส้น Di- ขึ้นมาได้แล้วเส้น ADX เกิดความชันราคาของหุ้นจะขยับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือที่เรียกว่า Strong Up นั่นเอง ในทางกลับกันเมื่อความชันเริ่มลดลงแต่ Di+ ยังไม่ได้ตัด Di- ลงมาแสดงถึงตลาดมีความแข็งแกร่งของแนวโน้มลดลงหรือเรียกว่าช่วง Weak Up (ข้อความระวัง ADX มีความชันเพิ่มขึ้นไม่ได้หมายความว่าราคาจะปรับตัวสูงขึ้น แนวโน้มทิศทางของราคาจะถูกกำหนดโดยสัดส่วน DI+ และ Di- เพราะถ้า Di- ตัด Di+ ขึ้นมาแล้ว ADX เกิดความชันจะแสดงถึงแนวโน้มราคาจะลดลงอย่างต่อเนื่องเกิด Strong Down) ดังตัวอย่าง
1.3.1 Phase 1 : Di+ < DI- แสดงถึงสัดส่วนการขายมากกว่าการซื้อ แนวโน้มราคาจะมีการปรับตัวลดลงและเริ่มลงหนักเมื่อเส้น ADX เกิดความชันเพิ่มขึ้น จนชะลอตัวและเข้าสู่ Phase ต่อไป (สถานะฝั่ง Sell จะถือความได้เปรียบในรูปแบบนี้ )
1.3.2 Phase2 : Di+ < Di- แสดงถึงสัดส่วนการขายมากกว่าการซื้อ จุดสังเกตุคือเส้น ADX ความชันเริ่มลดลง แสดงถึงสัดส่วนการขายเริ่มอ่อนแรงปรับตัวลดลงตามลำดับและเข้าสู่ Phase ต่อไป ( สถานะฝั่ง Sell ควรลดการถือครองขายทำกำไรบางส่วน )
1.3.3 Phase 3 : Di+ > DI- แสดงถึงสัดส่วนการซื้อมากกว่าการขาย แนวโน้มราคาจะมีการปรับตัวดีขึ้นและเริ่มสูงขึ้นเมื่อเส้น ADX เกิดความชันเพิ่มขึ้น จนชะลอตัวและเข้าสู่ Phase ต่อไป (สถานะฝั่ง Buy จะถือความได้เปรียบในรูปแบบนี้ )
Special MT4 : Average Directional Movement Index แบบพิเศษในโปรแกรม MT4 ที่เพิ่มเติมจาก Indicator standard สามารถ Load เพิ่มเติมจากโปรแกรมได้คือ "ADX Color" ตัวนี้จะแสดงเส้น ADX เป็น "สีฟ้า" เมื่อเกิด Strong trend ฝั่งขาขึ้น และจะแสดง ADX เป็น "สีแดง" เมื่อเกิด Strong trend ฝั่งขาลง เพื่อให้เห็นเด่นชัด
บทสรุป : Average Directional Movement Index ถือเป็นตัวชี้วัดการเคลื่อนตัวของราคาให้กับเพื่อนๆนักลงทุนได้อย่างดี โดยมีจุดสังเกตุที่เส้น DI+ กับ Di- เป็นตัวกำหนดความได้เปรียบเมื่อเข้าถือสถานะ จะเกิดการเคลื่อนตัวที่รุนแรงทั้งปรับตัวลดลงหรือปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเส้น ADX เกิดความชันเพิ่มขึ้น
#ติดตาม EP 2 Bollinger Bands ได้ในวันอาทิตย์ที่ 23 มิ.ย. 2562 นี้นะครับ