ห้องเม่าปีกเหล็ก

[ตอนที่ 10] บทความแปลหนังสือ by cmFX ” Price Pattern : Martin Pring on Price Patterns”

โดย cmfx
เผยแพร่ :
62 views

-------------------------------------------------------
บทความตอนที่ผ่านๆ มาอ่านได้จาก: http://www.chiangmaifx.com/price-patterns.html

www.facebook.com/275391639215535/photos/pcb.1603468543074498/1603467323074620/
-------------------------------------------------------

 ราคาหุ้นรายวันของ Newmont Mining ใน Chart 5-4 เป็นตัวอย่างคลาสสิกของการเพิ่มขึ้นแบบเอ็กโพเนนเชียลของทั้งปริมาณการซื้อขายและราคา ในช่วงปลายเดือนกันยายน 1987 ที่ตรงปลายสุดจะร่วงลงอย่างรวดเร็ว เป็นการกลับตัวของแนวโน้มที่เกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด

 

 

 

  1. Selling climax จะตรงกันข้ามกับ parabolic blow-off โดยที่มันจะเกิดขึ้นเมื่อราคาร่วงลงเร็วขึ้นเรื่อยๆ เป็นระยะเวลายาวนานพร้อมกับมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น และเมื่อผ่านจุดวิกฤติการขาย selling climax ไปแล้ว ราคาก็จะเพิ่มขึ้นแต่จะมีปริมาณการซื้อขายที่ลดลง  โดยที่ราคาต่ำสุด ณ เวลาที่เกิด selling climax นั้นจะไม่เหมือนกับราคาที่หลุดแนวรับที่มีระยะเวลานานกว่า ดังนั้น สิ่งที่สำคัญมากคือคุณจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเมื่อปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นจนถึงจุดสูงสุดแล้วมันจะต้องมีการไต่ระดับของราคาตามมาทันที ดังที่แสดงไว้รูปที่ 5-8  บ่อยครั้งที่จุดสิ้นสุดของตลาดหมีมักเกิดขึ้นพร้อมกับ selling climax แต่ก็ไม่ถึงกับต้องเป็นอย่างนั้นเสมอไป และพึงทราบว่า  selling climax ในหลายกรณี จะพบว่าหลังจากที่ราคาไต่ระดับขึ้นไปแล้วมันก็จะร่วงลงสู่จุดต่ำสุดใหม่ new low

 

 

 

ใน Chart 5-5 เป็นราคาของ Dresser Industries ที่เราจะเห็นว่าในช่วงปลายฤดูร้อน  selling climax  จะมีการไล่ราคาขึ้นในภายหลัง แต่อย่างไรก็ตาม selling climax  ในตัวอย่างนี้ยังไม่ใช่จุดต่ำสุดสุดท้าย และเมื่อไล่ราคาไปจนถึงจุดสูงสุด จะเห็นว่าราคาเพิ่มแต่ปริมาณการซื้อขายลดลงซึ่งเป็นลักษณะปกติของตลาดหมี

 

 

 

  1. เมื่อราคาพุ่งขึ้นหลังจากที่เป็นขาลงมาเป็นเวลานานแล้วค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นทีละน้อยจากนั้นก็กลับตัวลงมาอีกครั้งโดยมีจุดต่ำสุดครั้งที่สองเท่ากับหรือต่ำกว่าระดับต่ำสุดก่อนหน้าเล็กน้อยจะถือว่าเป็นสัญญาณชองตลาดกระทิงหรือขาขึ้น และถ้าปริมาณซื้อขายของจุดต่ำสุดครั้งที่สองต่ำกว่าปริมาณซื้อขายเดิมมาก ก็จะมีคำพูดเก่าๆ ของ Wall Street ว่า "Never short a dull market" ที่นิยมใช้กันมากกับสถานการณ์นี้ เพราะระดับต่ำสุดก่อนหน้านี้จะถูกทดสอบด้วยปริมาณการซื้อขายที่ต่ำมาก บ่งบอกว่าไม่มีอุปทานของหุ้นโดยสมบูรณ์ (ดูรูปที่ 5-9)

.

  1. การทะลุผ่านเส้นแนวโน้มแบบ downside จากรูปแบบราคา, เส้นแนวโน้ม หรือค่าเฉลี่ย (MA) ที่มีปริมาณการซื้อขายหนาแน่นเป็นลักษณะที่ผิดปกติและเป็นสัญญาณตลาดขาลงที่ยืนยันการกลับตัวของแนวโน้ม (รูปที่ 5-10) เมื่อราคาลดลงมันก็มักมาจากไม่มีแรงซื้อ ดังนั้นปริมาณการซื้อขายก็จะหดตัวลงตามปกติและไม่ได้ให้ข้อมูลแก่เรามากนัก อย่างไรก็ตามกรณีที่ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นที่แนวโน้มราคาขาลง ก็เป็นเพราะผู้ขายมีแรงจูงใจในการขายมากขึ้น และถ้าปัจจัยอื่นๆ คงที่มันก็มีโอกาสที่เส้นแนวโน้มจะมีการกลับตัว

 

 

  1. เมื่อราคาเพิ่มขึ้นเป็นเวลาหลายเดือน การไล่ราคาขึ้นอ่อนแรงลง (รูปที่ 5-11) ร่วมกับก็มีปริมาณซื้อขายสูง บ่งชี้ว่านักลงทุนมีพฤติกรรมซื้อๆ ขายๆ บ่อยครั้งที่เรียกว่า churning และเป็นปัจจัยของตลาดขาลง

  1. หลังจากที่ราคาลดลงแล้ว ตามมาด้วยปริมาณการซื้อขายหนาแน่นพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงราคาเล็กน้อยบ่งชี้ว่านี่เป็นระยะการสะสมหุ้น (accumulation phase) และเป็นสัญญาณปกติของการกลับตัวของแนวโน้มเพื่อเป็นตลาดขาขึ้น (รูปที่ 5-12)

 

 

------ จบบทความแปล Price Pattern ตอนที่ 10 ,www.chiangmaiFX.com ------


cmfx