ห้องเม่าปีกเหล็ก

กลยุทธ์การลงทุน 2566 >> คาดหวังสิ่งดีที่สุดแต่พร้อมรับมือสิ่งที่เลวร้ายที่สุด

โดย poomai
เผยแพร่ :
135 views

กลยุทธ์การลงทุน 2566 >> คาดหวังสิ่งดีที่สุดแต่พร้อมรับมือสิ่งที่เลวร้ายที่สุด

 

เรามีมุมมองบวกอย่างระมัดระวังต่อ SET Index จากเป้าสิ้นปี 2566 ที่ 1,757 จุด อิงจาก EPS ปี 2567 ที่ 113 บาท และ PER ที่ 15.55 เท่า (-0.5SD)

 

กรณีดีที่สุด: เราคาดว่า SET Index ปี 2566 จะอยู่ที่ 1,946 จุด คำนวณด้วย PER ที่ 17.22 เท่า (-0.5SD) หรือสะท้อนสถานการณ์ “goldilocks” ที่เศรษฐกิจโลกไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยขณะที่อัตราเงินเฟ้อแนวโน้มลดลง

 

กรณีเลวร้ายที่สุด: เราคาดว่า SET Index จะอยู่ที่ 1,568 จุด คำนวณด้วย 13.88 เท่า (-1.5SD) หรือสะท้อนว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ระดับสูงมากและธนาคารกลางทั่วโลกรวมทั้ง ธปท. จะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเชิงรุกในปี 2566 ในกรณีที่ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ทวีความรุนแรงมากขึ้น เราคาดว่า SET Index จะลดลงมาอยู่ที่ 1,475 จุด

 

แนวโน้มการลงทุนในปี 2566

แนวโน้มการลงทุนในปี 2566 ยังขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจรูปแบบ K-shaped เป็นหลัก เรายังคาดว่ากลุ่มที่มีรายได้ระดับสูงจะทำได้ดีกว่ากลุ่มรายได้ปานกลาง ตามสภาวะเศรษฐกิจรูปแบบ K-shaped การอีดฉีดเงินทั่วโลก (รวมถึงประเทศไทย)

ส่งผลให้กำลังซื้อของกลุ่มผู้มีรายได้ระดับสูงแข็งแกร่งกว่าทั้งในแง่ของความสามารถในการรับมือกับภาวะเงินเฟ้อระดับสูงได้ดีกว่าหรือสภาวะเงินเฟ้อที่อาจจะตึงตัวต่อเนื่องในปี 2566

 

 

ปัจจัยเสี่ยงหลัก

 

SET ไม่ถูกในเชิง EYG แม้ SET Index ค่อนข้างถูกหากพิจารณาจาก PER โดยปัจจุบันซื้อขายต่ำกว่า -0.5SD ของ PER และ –1SD ของ PBV เล็กน้อย แต่มูลค่าค่อนข้างแพงหากพิจารณาจาก EYG ที่ 3.6% หรือ -0.5SD แม้อัตราตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี ลดลง

 

ปัจจัยเสี่ยงด้านนโยบายหากเงินเฟ้อไม่ปรับลดลงในปี 2566 จากการที่ดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเพียงเล็กน้อย (75bps) สภาวะเศรษฐกิจไทยจึงมีความเสี่ยงด้านนโยบายหากอัตราเงินเฟ้อยังตึงตัวและยืนสูงในปี 2566

 

วัฎจักร NPL อาจเลวร้ายลงอีก เรามองว่าไม่ควรวางใจเกินไปกับวัฎจักรเครดิตของไทย NPL อาจเพิ่มสูงขึ้นหลังการปรับโครงสร้างหนี้สินเชิงรุกในช่วงวิกฤติโควิด-19 สินเชื่อที่มีอัตราผลตอบแทนสูงปัจจุบันยังคงมีปัญหา NPLs ที่ยังเพิ่มสูงขึ้น

 

หุ้นเด่นของเรา

►กลุ่มป้องกันความเสี่ยงจากปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ : BCP และ PRM

►กลุ่มป้องกันความเสี่ยงจากวัฎจักร NPL ในประเทศ: BAM

►กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น: KTB

►กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากสภาวะเศรษฐกิจแบบ K-shaped: SC (ผู้เล่นในประเทศ) และ AAI (ผู้เล่นส่งออก)

►กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ: CPN, CRC, BDMS, MINT และ ADVANC

 


poomai