WHA ตั้งเป้า 5 ปี รายได้ทะยาน 1 แสนล้านบาท
จ่อปิดดีลลูกค้ากลุ่มยานยนต์รายใหญ่ 2 ราย
ขนาดพื้นที่กว่า 800 ไร่ ใกล้เคียงกับ BYD

.
WHA กางแผน 5 ปีรายได้แตะระดับ 1 แสนล้านบาท พร้อมอัดงบลงทุน 6.85 หมื่นล้านบาท ขยายการลงทุน 4 กลุ่มธุรกิจ ขณะที่ปี 2566 คาดรายได้เติบโต 2 หลัก ทำนิวไฮต่อเนื่อง เผยอยู่ระหว่างเจรจาลูกค้านิคมฯ รายใหญ่ 2 กว่า 800 ไร่ คาดชัดเจนภายในปีนี้
.
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้า 5 ปี (2566-2570) รายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานจะแตะระดับ 100,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทยังมุ่งรักษาอัตรากำไร EBITDA ให้อยู่ในระดัยสูงกว่า 40% และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (IBD) ให้ต่ำกว่า 1.2 เท่า
.
ขณะเดียวกันบริษัทได้วางงบลงทุน 5 ปีไว้ที่ 6.85 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในการขยาย 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ โลจิสติกส์ จำนวน 1.7 หมื่นล้านบาท, ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำนวน 2.9 หมื่นล้านบาท WHAUP จำนวน 1.85 หมื่นล้านบาท และดับบลิวเอชเอ ดิจิทัล จำนวน 4 พันล้านบาท
.
สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตในระดับ 2 หลัก จากปี 2565 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องของบริษัท ตามแผนการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ดินรวมในไทยและเวียดนามไว้ที่ 1,750 ไร่ แบ่งเป็น พื้นที่ในไทยจำนวน 1,200 ไร่ และเวียดนามจำนวน 500 ไร่
.
ล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้ารายใหญ่ในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ 2 ราย ซึ่งมีความต้องการซื้อพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในไทย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงต้นไตรมาส 2/65 จำนวน 1 ราย ขนาดพื้นที่ประมาณ 200 ไร่ ส่วนอีก 1 ราย มีขนาดพื้นที่ใกล้เคียงกับ BYD ที่ประมาณ 600 ไร่ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้
.
นอกจากนี้ บริษัทยังมียอดขายที่ดินที่รอการทยอยโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ในมืออยู่กว่า 500 ไร่ ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ทั้งหมด และมีที่ดินที่อยู่ระหว่างการรอเซ็นสัญญา (LOI) ในเวียดนามอีก 400 ไร่
.
ส่วนธุรกิจโลจีสติกส์ ในปี 2566 บริษัทคาดว่าจะมีการส่งมอบโครงการใหม่และสัญญาใหม่ คิดเป็นพื้นที่รวม 200,000 ตารางเมตร แบ่งเป็น ในประเทศไทย 165,000 ตร.ม. และเวีดยนาม 35,000 ตร.ม. ให้แก่กลุ่มลูกค้าผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ (3PL) ภาคสินค้าอุปโภคบริโภค และภาคการค้าปลีก เป็นต้น โดยคาดว่าสินทรัพย์รวมภายใต้กรรมสิทธิ์และการบริหารจะสูงถึง 2,900,000 ตารางเมตร
.
ทั้งนี้ บริษัทยังได้ตั้งเป้าขายสินทรัพย์พื้นที่ 142,000 ตารางเมตรให้แก่ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) คาดว่าจะมีมูลค่ารวมประมาณ 3,250 ล้านบาท
.
ด้านธุรกิจสาธารณูปโภค ปี 2566 บริษัทคาดว่าปริมาณน้ำประปาและการจัดการน้ำเสียทั้งหมดคาดว่าจะสูงถึง 168 ล้านลูกบาศก์เมตร จากความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มมากขึ้นจากผู้ใช้อุตสาหกรรมรายใหญ่ และการเริ่มดำเนินการโรงผลิตน้ำมูลค่าเพิ่ม 2 แห่ง เพื่อจัดส่งน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง ให้กับผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ของกัลฟ์ 2 ราย และน้ำปราศจากแร่ธาตุให้กับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย
.
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสียแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล เอสเตท ระยอง (WHA IER) ในเดือนก.พ. นี้ โดยมีกำลังการผลิตรวม 5.8 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ในส่วนของธุรกิจสาธารณูปโภคในเวียดนาม บริษัทคาดว่าปีนี้ปริมาณน้ำประปาและการจัดการน้ำเสียทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นเป็น 33 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องมาจากการขยายฐานลูกค้าและพื้นที่ให้บริการน้ำประปาที่กว้างขึ้น
.
ขณะที่ธุรกิจพลังงาน บริษัทตั้งเป้าปี 2566 จะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ที่ลงนามแล้ว 847 เมกะวัตต์ เพิ่มจาก 683 เมกะวัตต์ในปี 2565 ซึ่งประกอบไปด้วยพลังงานสิ้นเปลือง (Conventional Power) 547 เมกะวัตต์ พลังงานแสงอาทิตย์ 133 เมกะวัตต์ และพลังงานจากขยะอุตสาหกรรม (Waste to Energy) อีก 3 เมกะวัตต์
.
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเร่งเดินหน้าพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ที่ลงนามแล้ว 300 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปี 2566 อีกด้วย