คอลัมน์ “เรียลไลฟ์ เรียลลงทุน”
.มองตลาดหุ้นและเศรษฐกิจปี 66
.
เมื่อเดือนมกราคม 2565 ผมเขียนไว้ว่า หากจะมองทิศทางเศรษฐกิจและการลงทุนของโลกในปี 2565 ให้มองไปที่ 2 ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของโลกอย่างสหรัฐอเมริกาและจีน
.
ช่วงนั้นตลาดหุ้นสหรัฐเดินหน้าได้ดีอย่างต่อเนื่อง แต่ผมได้เตือนไว้ว่า “การเดินหน้าโดยไม่หยุด โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้” และก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ เพราะตลาดหุ้นสหรัฐในช่วงปลายปี ทำหลายคนป่นปี้ โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยี ซึ่งดูได้จากดัชนีแนสแดคคอมโพสิตที่ลดลงถึง 30% ในช่วง 1 ปี
.
ผมเขียนไว้ด้วยว่า ปัจจัยที่จะทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐต้องพักฐานครั้งใหญ่ น่าจะมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งตอนนั้นตลาดคาดกันว่า จะปรับขึ้นแค่ 2 ครั้งเท่านั้นในปี 2565 แต่ของจริงปรับขึ้นถึง 7 ครั้งเลยทีเดียว
.
ทางด้านประเทศจีน ผมเขียนไว้ว่า การบริหารจัดการที่เด็ดขาด แม้ว่าจะทำให้จีนสามารถควบคุมโควิดได้อยู่หมัด แต่ก็ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจด้านต่างๆ ไม่น้อย โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ โครงการต่างๆ ที่เปิดตัวอย่างคึกคักในช่วงก่อนโควิดต้องติดหล่ม การซื้อขายหยุดชะงัก ส่งผลให้บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ไม่มีรายได้ไปจ่ายหนี้ ส่งต่อความหวั่นไหวไปทั่วโลก
.
“อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนก็พยายามส่งสัญญาณว่าจะไม่ปล่อยให้บริษัทขนาดใหญ่ล้ม ซึ่งผมเชื่อว่า ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากจีนไม่อยากเสียหน้ากับชาวโลก เพราะอุตส่าห์จัดการปัญหาโควิดได้ดี มีคนป่วยและเสียชีวิตน้อยกว่าประเทศสหรัฐอเมริกาแบบคนละขั้ว แต่ถ้าจัดการปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ สิ่งที่ทำดีเรื่องโควิด ก็แทบจะไม่ได้เครดิตใดๆ จากชาวโลก” ผมเขียนไว้แบบนี้
.
ทีนี้มาดูว่า ปี 2566 นี้ ผมมองอย่างไร
.
สิ่งที่ยังต้องจับตามองอย่างต่อเนื่อง ก็หนีไม่พ้นท่าทีของ 2 ยักษ์ใหญ่สหรัฐอเมริกาและจีน เพราะยักษ์ซีกโลกตะวันตกอย่างสหรัฐอเมริกาแสดงท่าทีที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ถึงความกังวลว่ายักษ์ฟากตะวันออกอย่างจีนจะไล่ทัน จึงพยายามจะหาทางกีดกันสารพัด ซึ่งย่อมส่งผลกระทบไปถึงประเทศคู่ค้าอื่นๆ ของจีนและของสหรัฐอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
.
เจาะลงไปที่สหรัฐอเมริกา ด้วยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศและของโลกที่ชะลอลง ต้นทุนการเงินที่สูงขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ทำให้กิจการขนาดใหญ่หลายแห่งต้องลดขนาดลง มีการเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลต่อกำลังซื้อในประเทศที่อ่อนแอลง ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐติดหล่ม แถมยังกระทบไปถึงการส่งออกของประเทศต่างๆ ที่พึ่งพาการนำเข้าของสหรัฐจำนวนมากด้วย
.
ทางด้านประเทศจีน ด้วยนโยบายของรัฐที่ต้องการกำจัดโควิดให้เป็นศูนย์ แต่มันไม่เป็นไปตามนั้น และกว่าจะรู้ตัวว่า สิ่งที่คิดและทำน่าจะไม่ถูกต้อง เพราะเป็นการทำร้ายทำลายเศรษฐกิจของประเทศตัวเองก็สายเกินไปแล้ว เพราะเศรษฐกิจหลายๆ ส่วนได้เสียหายไปแล้ว กว่าจะฟื้นกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งก็ต้องใช้เวลาพอสมควร
.
แค่ประเด็นเศรษฐกิจของ 2 ประเทศนี้ ก็คงพอจะมองเห็นกันแล้วว่า ตลาดสินทรัพย์เสี่ยง อย่างตลาดหุ้น ตลาดซื้อขายล่วงหน้า และตลาดคริปโต ในปี 2566 นี้ น่าจะไม่สดใสเท่าไรนัก โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรก
.
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 นี้ ต้องดูกันอีกที ว่าแต่ละประเทศจะปรับเกมอย่างไรเพื่อทำให้เศรษฐกิจของประเทศตัวเองไม่ดำดิ่งไปกว่าที่ควรจะเป็น จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกรอบเหมือนที่นักเศรษฐศาสตร์บางคนบอกหรือเปล่า
.
ประเด็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศที่นำมาซึ่งการสู้รบกัน ก็ยังวางใจไม่ได้ เพราะเราได้เห็นแล้วว่ารัสเซีย-ยูเครน ต่างไม่มีใครยอมใคร เพราะมีพี่ใหญ่คอยหนุนหลังอยู่ทั้ง 2 ฝ่าย
.
เรื่องของสภาพอากาศ ภัยธรรมชาติขนาดใหญ่ๆ ก็อาจจะส่งผลมาถึงภาคเศรษฐกิจและการลงทุนได้ด้วย
.
นอกจากนั้น เรื่องของโรคระบาดก็อาจกลับมาอาละวาดอีกรอบ แม้ว่าการรับมือของประเทศต่างๆ รอบนี้น่าจะไม่ใช้การปิดเมืองปิดเศรษฐกิจเหมือนการรับมือโควิด-19 แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีใด ก็ต้องมีผลต่อการใช้ชีวิตของผู้คนอยู่ดี
.
เรื่องของ “พลังงาน” ทั้งพลังงานของคน (อาหาร) และพลังงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ (น้ำมัน ก๊าซ ไฟฟ้า) ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะปั่นป่วนอย่างมากในปีนี้
.
ดูๆ ไปแล้ว การลงทุนปีนี้ไม่ง่าย แม้ว่าประเทศไทยจะโชคดีที่มีสถาบันการเงินที่แข็งแกร่ง มีภาคท่องเที่ยวและบริการที่ไม่น้อยหน้าใครในโลกหล้า ซึ่งจะทำให้ตลาดหุ้นไทยสดใสกว่าอีกหลายๆ ประเทศในโลก
.
แต่...ความอ่อนแอของโลก จะทำให้ไทยเราเดินหน้าได้ไม่เต็มศักยภาพ
.
ผมให้อีกหนึ่งแต่...ที่เป็นความหวังสำหรับประเทศไทยในปีนี้ นั่นคือการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น
.
ถ้าเราได้รัฐบาลที่เก่งและดี จะเป็นโชคอย่างมหาศาลของคนไทย เพราะเราจะก้าวไปแบบติดเทอร์โบ
.
แต่ถ้าได้รัฐบาลที่ห่วย ความซวยย่อมมาเยือน ถึงแม้จะถูๆ ไถๆ เติบโตไปได้ตามสภาพ ตามพื้นฐานที่แข็งแกร่งเป็นทุนเดิม แต่ก็จะไม่โดดเด่นเท่าที่ควร
.
นอกจากนั้น รัฐบาลที่ห่วย จะทำให้สังคมไทยที่ป่วยเรื้อรังจากโรคเหลืองแดง ต้องเผชิญกับความโกลาหลบนถนนหนทางอีกรอบ
.
โดยสรุปก็คือ ปี 2566 นี้ อย่าคาดหวังอะไรที่สูงเกินไปนัก มีกำไรก็ชักเก็บไว้บ้าง เพราะเรายากที่จะคาดเดาเรื่องร้ายๆ ที่รออยู่ข้างหน้าได้
--