ห้องเม่าปีกเหล็ก

กลุ่มบริษัทพลังงานในตลาดหุ้น กูรูชี้! ยังไม่ต้องรีบเข้าลงทุน

โดย ก กา
เผยแพร่ :
180 views

กลุ่มบริษัทพลังงานในตลาดหุ้น

กูรูชี้! ยังไม่ต้องรีบเข้าลงทุน

.

คอลัมน์ “โพยหุ้น” ประจำวันจันทร์ เจอกันอีกเช่นเคย รอบนี้ได้หยิบยกหุ้นในกลุ่มพลังงานมาฝากนักลงทุน ซึ่งจะเข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 1/66 กันแล้ว บริษัทไหนจะมีความน่าสนใจกันบ้าง และทิศทางไตรมาส 2/66 จะเป็นอย่างไร หากถอดมุมมองนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินคาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 ของกลุ่มพลังงานขั้นกลาง (โรงกลั่น) และปิโตรเคมีในเครือ PTT ได้แก่ TOP PTTGC IRPC จะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากฐานสูง เพราะไตรมาส 1/65 มีกำไรสต็อกน้ำมันจำนวนมาก

.

ทั้งนี้ คาดผลประกอบการไตรมาส 1/66 ของกลุ่มพลังงานขั้นกลาง (โรงกลั่น) และปิโตรเคมีภายใต้เครือ PTT ประกอบด้วย TOP IRPC PTTGC จะมีกำไรสุทธิลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากฐานสูง เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 1/65 ได้รับอานิสงส์จากเหตุการณ์รัสเซีย ยูเครน ทำให้มีกำไรสต็อกน้ำมันจำนวนมาก รวมทั้ง Spread ปิโตรเคมียังอยู่ระดับสูงเพราะอุปทานยังไม่ล้นตลาดเท่าปัจจุบัน

.

อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับไตรมาส 4/65 คาดกำไรสุทธิฟื้นตัวทุกบริษัท เนื่องจาก ค่าการกลั่นได้ปัจจัยหนุนจากการเพิ่มขึ้นของ Crack Spread น้ำมันเบนซิน ท่ามกลางต้นทุน Crude Premium ลดลง รวมทั้งอัตราการผลิต และสัดส่วนการผลิตสินค้ามูลค่าสูงเพิ่มขึ้น หลังผ่านช่วงปิดซ่อมบำรุงใหญ่โรงกลั่นของ PTTGC IRPC และปิดซ่อมหน่วยกลั่นย่อยของ TOP

.

อีกทั้งอัตรากำไรผลิตภัณฑ์อะโรมาติกส์ปรับตัวดีขึ้นตาม Spread PX BZ รวมทั้ง By-Product ขณะที่ขาดทุนสต็อกน้ำมันปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อน ตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก และการกลับรายการขาดทุนมูลค่าสินค้าเหลือ (NRV) ในไตรมาสก่อน และ กำไร Oil Hedging และ FX จากทิศทาง Crack Spread น้ำมันดีเซลที่ลดลง และเงินบาทแข็งค่า

.

อย่างไรก็ตามมองว่าผลประกอบการไตรมาส 1/66 ของ TOP จะดูเด่นกว่า IRPC PTTGC เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ดีของธุรกิจการกลั่น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์น้ำมันเบนซิน นอกจากนี้ IRPC และ PTTGC ยังมีขาดทุนสต็อกน้ำมันสูงเมื่อเทียบกับภาวะปกติเพราะเป็นผลจากปริมาณน้ำมันสำรองจำนวนมากช่วงปิดซ่อมบำรุงใหญ่ไตรมาส 4/65

.

แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/66 ของกลุ่มไม่เด่นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะค่าการกลั่นถูกกดดันจากการปรับฐานของCrack Spread น้ำมันดีเซล - อากาศยาน, อัตรากำไรของปิโตรเคมียังฟื้นตัวช้า, อัตรากำไรผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นมีแนวโน้มลดลง

.

โดยแนวโน้มไตรมาส 2/66 คาดภาพรวมผลการดำเนินงานหลักปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และไม่เด่นจากไตรมาสก่อน เพราะ แม้ว่า Crack Spread น้ำมันเบนซินมีปัจจัยหนุนจากการเข้าสู่ US Driving season, Spread อะโรมาติกส์ ยังแข็งแกร่งตามอุปสงค์ช่วง High season ของ PTA และ PET, และมีโอกาสบันทึกกำไร Hedging เพิ่มเติม

.

อย่างไรก็ตาม ค่าการกลั่นมีแนวโน้มลดลงจากไตรมาสก่อน จากการปรับฐานของ Crack Spread น้ำมันขั้นกลาง (Middle distillate) เช่น ดีเซล และอากาศยาน หลังผ่านช่วงฤดูหนาวของยุโรปมาแล้ว, ความต้องการใช้ได้รับ Sentiment ลบจากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัวโดยเฉพาะสหรัฐฯ - ยุโรป, อุปทานจากรัสเซีย – จีนเข้าสู่ตลาดมากขึ้น

.

รวมทั้งอัตรากำไรน้ำมันหล่อลื่น (TOP IRPC) มีแนวโน้มลดลงจากไตรมาสก่อนจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อัตรากำไรของโอเลฟินส์ยังฟื้นตัวได้ช้าทั้ง HDPE และ PP เนื่องจากอุปทานยังอยู่ระดับสูง โดยการฟื้นตัวคาดว่าจะเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นช่วงครึ่งหลังปี 66 ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน

.

สำหรับ TOP และ PTTGC คงคำแนะนำ “ซื้อ” จากมูลค่าหุ้นไม่แพง และ คงคำแนะนำ “TRADING” สำหรับ IRPC ทั้งนี้ปรับลด Valuation ของหุ้นในกลุ่มลง เพื่อสะท้อนความเสี่ยงจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเปราะบาง ประเมินได้มูลค่าพื้นฐานใหม่ดังนี้ TOP ราคาเหมาะสม 60.00 บาท (เดิม 66.00 บาท) PTTGC ราคาเหมาะสม 50.00 บาท (เดิม 59.00 บาท) IRPC ราคาเหมาะสม 2.90 บาท (เดิม 3.30 บาท)

.

ดังนั้นด้วยโมเมนตัมกำไรไตรมาส 2/66 ของกลุ่มฯ ไม่เด่น และระยะสั้นหุ้นอาจ มี Sentiment ลบจากนโยบายแทรกแซงราคาพลังงานของพรรคการเมือง ซึ่งจะมีน้ำหนักมากขึ้นช่วงใกล้วันเลือกตั้ง เชิงกลยุทธ์หากรับความเสี่ยงได้น้อยมองว่ายังไม่ต้องรีบเข้าลงทุน

 

 


ก กา