ห้องเม่าปีกเหล็ก

เฉลยสาเหตุ! ต่างชาติจัดหนักขายหุ้นไทย

โดย I am
เผยแพร่ :
234 views

เฉลยสาเหตุ! ต่างชาติจัดหนักขายหุ้นไทย

ด้านนักวิเคราะห์เปิด 4 เหตุผลหลัก

หนุนต่างชาติ ลุยซื้อหุ้นไทยเร็วๆนี้กว่า 8 พันลบ.

 

.

ช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยโดนเทขายจากนักลงทุนต่างชาติอย่างหนัก ซึ่งตั้งแต่ต้นปี 66 จนถึงวันที่ 24 ก.พ. 66 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยไปแล้วกว่า 19,390 ล้านบาท จนเกิดเป็นคำถามว่า ปัจจัยอะไรที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติยังขายหุ้นไทย และเมื่อไหร่ถึงจะหยุดขาย

.

โดยนักวิเคราะห์จากบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ได้ให้มุมมองในรายการ Wealth Designs by Yuanta ถึงสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยต่อเนื่อง และให้จับตา 4 ปัจจัยที่จะส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติหยุดขายหุ้นไทย

.

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า นับจากต้นปีจนถึงปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในหุ้นไทยไปแล้วประมาณ 19,390 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากผลกระทบของค่าเงินบาทที่แข็งค่า โดยเดือนม.ค. 66 ค่าเงินบาทแข็งค่าถึง 5% กระทบกับตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) กระตุ้นให้เกิดแรงขายทำกำไรในตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ออกมา เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าเร็วเกินไปทำให้กองทุนบริหารความเสี่ยง (Hedge Fund) เข้ามาขายทำกำไรในส่วนนี้

.

ทั้งนี้ ประเมินปัจจัยที่จะส่งผลให้ค่าเงินบาทเริ่มทรงตัวและอาจทำให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มชะลอการขายสุทธิหุ้นไทย คือ 1. ค่าเงินบาทกลับมาอยู่ที่ระกับ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2565 ที่อยู่ที่ 34.6 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเริ่มชะลอตัว, 2. ต้นทุนเฉลี่ยของต่างชาติอยู่ที่ประมาณ 35-35.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เริ่มไม่มีกำไรจากค่าเงินบาทแล้ว ทำให้ไม่มีแรงกระตุ้นให้ขายหุ้นเพื่อเก็งกำไรส่วนต่างจากอัตราแลกเปลี่ยน

.

3. หากดูสถิติย้อนหลังนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยยาวนานสุดอยู่ที่ 25 วัน ซึ่งปัจจุบันขายไปแล้วราว 20 วัน ดังนั้นจึงเหลือวันอีกไม่มากแล้ว และคาดว่าจะเห็นการย้อนกลับ และ 4. สัปดาห์นี้แรงขายเงินบาทจะลดลง จากการปรับน้ำหนัก MSCI ในวันที่ 28 ก.พ. นี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มน้ำหนักในหุ้นไทยสุทธิ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5,000 ล้านบาท อีกทั้งหากหุ้น TRUEE กลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 3 มี.ค. 66 จะได้คำสั่งซื้อจาก MSCI ราว 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วย

.

ดังนั้น หากค่าเงินบาทสัปดาห์นี้เริ่มทรงตัว ประกอบกับปัจจัยทั้งต้นทุนเฉลี่ยของต่างชาติและตลาดอัตราแลกเปลี่ยนที่เริ่มนิ่ง คาดจะเริ่มเห็นการทรงตัวของตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นไทย นอกจากนี้ ยังต้องรอติดตามปัจจัยด้านเมือง การประกาศยุบสภาและวันเลือกตั้งด้วย

.

โดยประเด็นที่ต้องติดตามในเดือนมี.ค. 66 คือ ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม ทั้งการรายงานภาวะเศรษฐกิจในเดือนม.ค. ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวต่อเนื่องในทุกภาคธุรกิจจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เร่งขึ้นหลังเปิดประเทศเต็มรูปแบบ

.

ทั้งนี้ ในเชิงมูลค่าของตลาดหุ้นไทยไม่ได้แพงแล้ว เพราะที่ตลาดหุ้นไทยทรงอยู่ตัวอยู่ได้เกิดจาก DELTA ขณะที่หุ้นตัวอื่นๆ ในดัชนีถูกกว่าปกติ เพราะ DELTA เข้ามาหนุนดัชนีประมาณ 14-15 จุด หากตลาดหุ้นไทยปรับฐานลงต่อ อยากให้นักลงทุนดู DELTA ประกอบ เพราะหากไม่รวม DELTA ดัชนีจะปรับตัวลงมากกว่านี้เกือบ 10 จุด

.

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีจุดเปลี่ยนที่ค่าเงินบาทอ่อนค่า ขณะที่กองทุนยังมีการซื้อสุทธิต่อเนื่อง และหากแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติลดลง ตลาดหุ้นไทยน่าจะเริ่มประคองตัวได้ ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้ (27 ก.พ. 66) หากปรับลงมาอยู่ที่ระดับ 1,625-1,620 จุด มีโอกาสที่จะฟื้นตัว นักลงทุนสามารถซื้อเพื่อรอโอกาสรีบาวน์

.

[หุ้นแนะนำ]

สำหรับหุ้นแนะนำ เลือกหุ้นรายตัวที่ให้ปันผลดีและผลประกอบการดี ได้แก่ SCB ประเมินว่าราคาหุ้นจะตอบรับเชิงบาก หลังประกาศเงินปันผลหุ้นละ 5.19 บาท สูงกว่าคาคของตลาด ให้ Dividend Yeld สูงถึง 5.1% ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 17 เม.ย. 66 ขณะที่กลุ่มธนาคารมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ หากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือนม.ค. 66 ในวันอังคารนี้ออกมาดี และส่งสัญญาณชัดเจนต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่คาดว่จะได้แรงหนุนที่ชัดเจนขึ้นจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ แนะนำ สะสม แนวต้านทางเทคนิค 105.00 บาท

.

BRI รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ที่ 411 ล้านบาท เตินโต 174% จากไตรมาเดียวกันแก่อน และ 24% จากไตรมาสก่อนหน้า ทำระดับสูงสุดใหม่รายใตรมาสของบริษัท และออกมาดีกว่าคาคถึง 25% พร้อมประกาศเงินปันผลปิ 66 หุ้นละ 0.65 บาท ขึ้น XD วันที่ 3 พ.ค. 66 ให้ Dhidend Yald สูงถึง 6.2% คาดแผนการเปิดตัวโครงการในปีนี้จะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

เบื้องตันคาดการณ์ที่ 15 โครงการรวม 2.5 หมื่นล้านบาทเป็นอย่งน้อย ฝ่ายวิเคราะห์มีแนวโน้มทบทวนประมาณการกำไรขึ้นหลังได้ข้อมูลการแถลงแผนธุรกิจปีนี้จากบริษัท สะสม แนะน สะสม แนวต้านทางเทคนิค 12.50 บาท

.

PRM รายงานกำไรปกติไตรมาส 4/65 ที่ 582 ล้านบาท เติบโต 30% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และ 33% จากไตรมาสก่อนหน้า ดีกว่าคาดราว 18% จากรายได้ที่ทำระดับสูงสุดใหม่ และอัครากำไรขั้นต้นเร่งตัวขึ้นสูงสุดรอบ 8 ไตรมาส เนื่องจากต้นทุนค่าเช่าทรงตัว และต้นทุนเชื้อเพลิงลดลง

.

ฝ่ายวิเคราะห์ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2566 ขึ้น 35% เป็น 1.88 พันล้านบาท เติบโต 25% จากปีก่อน จากการรับรู้รายได้เรือใหม่เต็มปี และความต้องการใช้เรือชนส่งน้ำมันเพิ่มชื้นจากการเติบโตของภาคท่องเที่ยว ประกาศเงินปันผลครึ่งหลังปี 65 หุ้นละ 0.25 บาท ให้ Dividend Yield 32% ขึ้น XD วันที่ 3 พ.ค. 66 แนะนำ เก็งกำไร แนวต้านทางเทคนิค 8.40 บาท

.

และสุดท้าย ADVANC มีปัจจัยบวกรออยู่ในปี 2566 ได้แก่ 1.คาดรายได้ต่อหมายเลข (ARPU) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการแข่งขันที่ลดลงและจำนวนผู้ใช้บริการ 5G เพิ่มขึ้น, 2.ปิดดีลซื้อธุรกิจ Internet Broadband ของ TITBB, 3.การลงทุนในธุรกิจ Hyper scale data center และ 4.โอกาสในการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน แนะนำ เก็งกำไร แนวต้านทางเทคนิค 206.00 บาท

 

 


I am