AMATA เวียดนามจะช่วยหนุนการเติบโต 3Q23
เราคาดว่า AMATA จะรายงานกำไร 3Q23 ที่ 410 ลบ. เพิ่มขึ้น 16% YoY และ 31% QoQ โดยมองว่าธุรกิจของบริษัทฯ ในเวียดนามจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโต เนื่องจากเราคาดว่าที่ดินทั้งหมด 166 ไร่ที่ขายได้ในเวียดนามจะถูกโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมดใน 3Q23 แม้ว่าอัตรากำไรของที่ดินแปลงแรกที่นิคมฯ อมตะ ลองอั่น น่าจะอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น ซึ่งน่าจะฉุดอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) 3Q23 โดยรวมของ AMATA ลง 1.9ppt แต่จากฐานที่ต่ำใน 2Q23 หลังที่ดินที่ถูกโอนกรรมสิทธิ์ใน 2Q23 ส่วนใหญ่เป็นที่ดินที่มีอัตรากำไรต่ำจากนิคมฯ อมตะ ซิตี้ ระยอง ทำให้อัตรากำไรกำไรจะเพิ่มขึ้น 6.8ppt QoQ
หากรวมกับการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในระดับปานกลางในไทยที่ประมาณ 106 ไร่ (ชลบุรี 2 ไร่ และระยอง 104 ไร่) โดยมีรายได้ที่เกิดขึ้นประจำที่สูงอย่างมั่นคง รายได้ปกติ 3Q23 น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมากที่ 48% YoY และ 66% QoQ ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้กำไร 3Q23 เติบโตอย่างแข็งแกร่งทั้ง YoY และ QoQ แม้ว่า AMATA จะบันทึกกำไรพิเศษจากการขาย RBF จำนวน 280 ลบ.ใน 3Q22 และส่วนแบ่งกำไร 3Q23 คาดว่าจะลดลงเล็กน้อย QoQ ก็ตาม
คาดผลการดำเนินงานจะแข็งแกร่งต่อเนื่องใน 4Q23 แม้ AMATA อาจไม่สามารถบรรลุเป้ายอดขายที่ดินทั้งปีจากการออกใบรับรองการลงทุนที่ล่าช้าจากหน่วยงานภาครัฐของเวียดนาม (AMATA คาดยอดขายที่ดินในปีนี้ในเวียดนามจะอยู่ที่ 50 เฮกตาร์ หรือ 312 ไร่ จากเป้าหมายเริ่มต้นที่ 120 เฮกตาร์ หรือ 750 ไร่) ขณะที่ เป้ายอดขายที่ดินในไทยปี 2023 ยังคงอยู่ที่ 1,500 ไร่ (ยอดขายที่ดินในไทยในช่วง 9 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 1,025 ไร่)
ซึ่งหมายความว่าเรายังคงสามารถคาดหวังยอดขายที่ดิน 4Q23 ที่แข็งแกร่งมากถึง 600 ไร่ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 4Q18 เรายังมองว่า AMATA จะสามารถทำให้กำไรเติบโตได้อีกใน 4Q23 โดยนอกจากการโอน backlog ในไทยแล้ว ยอดขายที่ดินก้อนใหญ่ในเวียดนาม 4Q23 จะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ในไตรมาสเดียวกันเช่นกัน แม้ว่าบริษัทฯ จะมีกำไรพิเศษจำนวนมากจากการขาย RBF ในเวียดนามที่ 1.1 พันลบ. ในปี 2022 จะทำให้กำไรปี 2023 ลดลง 22% YoY แต่กำไรปกติปี 2023 จะเพิ่มขึ้น 20%
คงคำแนะนำ “ซื้อ” AMATA และ TP ที่ 28.5 บาท แนวโน้มยอดขายที่ดินที่น่าพอใจและกำไรที่คาดว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ในปี 2024 เป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนคำแนะนำของเรา
