ห้องเม่าปีกเหล็ก

กลัวที่ไหน...

โดย หญิงแม้น
เผยแพร่ :
76 views

กลัวที่ไหน...

วันนี้คาดตลาด “แกว่งขึ้น” ประเมินแนวรับที่ 1,382 / 1,375 สำหรับแนวต้านอยู่ที่ 1,392 / 1,408 แม้เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาทิศทางตลาดหุ้นจะสหรัฐจะอ่อนตัวลงบ้างโดยดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 219.75 (-0.75%) จากความกังวลการเร่งตัวขึ้นของผู้ป่วย COVID-19 รวมทั้งตลาดยังมีความกังวลต่อการเร่งตัวของผู้ติดเชื้อใหม่ COVID-19 กระตุ้นความกังวลแนวโน้มการบังคับใช้มาตรการ Lockdown ที่เข้มงวดมากกว่านี้ในระยะถัดไป กดดันแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอาจช้ากว่าที่ตลาดคาดไว้เป็นปัจจัยกดดัน-จำกัด Upside ของราคาสินทรัพย์เสี่ยงอ่อนตัวลงพักฐานได้บ้าง  

อย่างไรก็ตามเรามองแนวโน้มความคืบหน้าของวัคซีนต้านไวรัส COVID-19 โดย Pfizer และ BioNTech ได้ยื่นขออนุญาตใช้วัคซีนเป็นการฉุกเฉินต่อ FDA แล้ว คาดจะสามารถกระขายวัคซีนได้ในช่วงต้นปีหน้าสะท้อนแนวโน้มการแพร่ระบาดของ COVID-19 ของโลกเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้ว ผสานกับเราคาดตลาดมีแนวโน้มจะตอบรับเชิงบวกต่อประเด็นนายโจ ไบเดน ว่าที่ปธน.สหรัฐคนใหม่จะประกาศรายชื่อ ครม.สหรัฐชุดใหม่ในช่วงสัปดาห์นี้ คาดจะช่วยหนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง

อีกทั้งยังต้องติดตามการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ หลังผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสังกัดพรรครีพับลิกันได้ตกลงที่จะกลับมาเจรจาเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจอีกครั้ง เราคาดจะได้ข้อตกลงที่วงเงินราว 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงประธาน ECB ส่งสัญญาณออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ในเดือนหน้า คาดจะเป็นปัจจัยกระตุ้นทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวขึ้นได้อีกครั้งในระยะถัดไป  

สำหรับปัจจัยภายในประเทศเรามีมุมมองเชิงบวกต่อการออกมาตรการดูแลค่าเงินบาทแข็งค่าของ ธปท. ที่ไม่ได้รุนแรงเกินไป โดยออกมาตรการให้คนไทยฝาก-โอนเงินตราต่างประเทศ (FCD) ได้เสรี, เพิ่มวงเงินให้รายย่อยลงทุนโดยตรงในต่างประเทศได้เป็น 5 ล้านดอลลาร์/ปี จากเดิม 2 แสนดอลลาร์/ปี และให้ผู้ลงทุนต่างชาติต้องลงทะเบียนแสดงตัวตนก่อนการซื้อขายตราสารหนี้เริ่มต้นปี’64 เรามองไม่ได้ช่วยลดการแข็งค่าของเงินบาทได้มากนัก หนุนทิศทางกระแสเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นไทยได้ต่อ กระตุ้นหุ้นในกลุ่ม Blue chip ปรับตัวขึ้นได้ต่อ รวมทั้งเรามีมุมมองเชิงบวกต่อกระแสตอบรับต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐในช่วงปลายปี (คนละครึ่ง, ช็อปดีมีคืน และเราเที่ยวด้วยกัน) คาดจะหนุนการหมุนเวียนของเงินภายในประเทศได้ ช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัว เป็นปัจจัยสนับสนุนการฟื้นตัวขึ้นได้ต่อของทิศทางตลาดหุ้นไทย

ทั้งนี้เรายังมีความกังวลต่อแนวโน้มการเกิดภาพความรุนแรงในการชุมนุม-สลายการชุมนุมในวันที่ 25 พ.ย. นี้ หลังนายกฯ แถลงการณ์เพิ่มความเข้มข้นบังคับใช้กฎหมายต่อการชุมนุม โดยจะต้องติดตามการชุมนุมของกลุ่มราษฎรในวันที่ 25 พ.ย. นี้อีกครั้ง คาดจะเป็นปัจจัยจำกัด Upside ของตลาดหุ้นไทยได้บ้างเล็กน้อย

 

ธีมการลงทุน     ยังคงทยอยซื้อสะสม “Commodity Play” (พลังงาน, น้ำมัน, โรงกลั่น และปิโตรเคมี) PTT, PTTEP, PTTGC, TOP และ IVL รับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและต่างประเทศที่มีแนวโน้มลดลง หลังนายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้ง ปธน. สหรัฐ คาดเป็นปัจจัยหนุนในระยะกลาง – ยาว ต่อการค้าและเศรษฐกิจโลก คาดช่วยให้การส่งออกประเทศต่างๆ กลับมาดีขึ้น และเก็งกำไรระยะสั้นหุ้นในกลุ่ม “Blue Chip” (AOT, SCC, PTT, KBANK, CPALL และ ADVANC) รับแนวโน้มกระแสเงินทุนต่างชาติไหลกลับ

หุ้นแนะนำ       PTTGC

กลยุทธ์         Follow buy 54.50 Target 57.00 / 61.00  Stop <52.00

https://www.aira.co.th/upload/Market_1606098114_15057.pdf

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


หญิงแม้น