Portfolio Management
หุ้นไทย VS หุ้นเทค

Cr. Chal Chalermdej

------------------------

ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กระแสลงทุนหุ้นต่างประเทศมาแรงมาก จากที่ผมลงทุนในไทยมา 16 ปี และเริ่มลงทุนหุ้นนอกมา 5 ปี ผมรู้สึกว่าหุ้นไทยกับหุ้นเทคโนโลยี แตกต่างกันมาก ทำให้การบริหารพอร์ต บริหารความเสี่ยง ไม่เหมือนกัน

 

1 หุ้นไทยส่วนใหญ่เป็นหุ้น low tech ดังนั้น playbooks ที่ใช้คือหาหุ้นที่มี Durable Competitive Advantage แนว Warren Buffett มองหากิจการที่เรารู้จัก ติดตามได้ พวกของกินของใช้ หรือสินค้าและบริการที่เราคุ้นเคย

 

2 การบริหารพอร์ตสไตล์ Peter Lynch ที่ผมลอกมาจาก One Up on Walstreet คือเลือกหุ้นแบบ focus แค่ 5 ตัว เล็งหาตัวที่มีโอกาสขึ้นเป็น 10 เด้ง ถือยาว ถ้ามีแค่ 1 ตัวได้ 10 เด้ง ผลตอบแทนรวมก็ชนะตลาดแบบถล่มทลาย

 

3 หุ้น low tech แบบของกินของใช้ ไม่ซับซ้อน พอคาดเดาอนาคตได้ หากเราเจอก่อนที่คนส่วนใหญ่ชอบ ราคาหุ้นหลายครั้งถูกมากๆ เช่น หุ้นที่ให้บริการข้อมูลเครดิตรายใหญ่ รายเดียวในประเทศไทย ขนาด market cap 100-200 ล้านบาท หรือหุ้นบริษัทเครื่องสำอางกำลังมาแรง ขนาด market cap 200 กว่าล้าน

 

4 ถ้าเราเจอหุ้นแบบที่ว่า หุ้นแบบนี้เราสามารถใช้แนวคิดแบบดันโด คือออกหัวกำไรนิดหน่อย ออกก้อยอาจได้กำไร 10 เด้ง 100 เด้ง ทำให้เราสามารถลงทุนแบบ focus ได้เลย เช่น ตัวละ 20-25% ของพอร์ต

 

5 สำหรับหุ้นเทคแตกต่างกันมากๆ อนาคตคาดการณ์ยากมาก มีโอกาสโตมโหฬารแบบเปลี่ยนโลกกลายเป็นหุ้น 100 เด้ง 1,000 เด้ง แต่โอกาสเจ๊งกลายเป็น 0 ก็เยอะ

 

6 ลักษณะแบบนี้ การลงทุนอาจจะต้องกระจายหลายๆ ตัว พวก YouTuber หุ้นเทคโนโลยีเก่งๆ ในต่างประเทศที่ผมติดตาม ส่วนใหญ่ถือหุ้นกันหลาย 10 ตัว หลายๆ คนถือตัวละไม่เกิน 3% ของพอร์ต คนที่ถือหุ้น top holdings ถึง 10% ถือว่า aggressive มากๆ

 

7 นอกจากกระจายหลายๆ ตัวแล้ว ส่วนใหญ่จะทยอยลงทุน ค่อยๆ ซื้อเพิ่ม เฉลี่ยขาขึ้นไปเรื่อยๆ เนื่องจากหุ้นเทคโนโลยีมีความไม่แน่นอนสูงมาก ส่วนใหญ่ต้องติดตาม ถ้าดีค่อยลงทุนเพิ่ม คล้ายๆ กับ VC ที่เริ่มจาก seeds round ถ้าทำได้ดี ค่อยเพิ่มเป็น series A B C D

 

8 จากลักษณะการลงทุนข้างต้น YouTubers ดังๆ ที่ผมตาม จำนวนมากเป็นคนเก่งมากๆ รอบรู้กว่านักลงทุน VI บ้านเราเยอะ

 

9 แต่ที่ surprise มากๆ คือนักลงทุนรายย่อยต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จที่ผมเห็น ส่วนใหญ่มีขนาดพอร์ตเล็กกว่านักลงทุน VI ไทยที่ประสบความสำเร็จ

 

10 สาเหตุหลักคือ การกระจายมากๆ ลดความเสี่ยง แต่ก็ทำให้ผลตอบแทนโตช้ากว่าการ focus ในหุ้นไม่กี่ตัว

 

11 อีกสาเหตุคือ ในตลาดที่เจริญแล้ว คู่แข่งเก่งๆ มีเยอะมาก โอกาสหาการลงทุนแบบดันโดแทบไม่มี มีแต่แนวแทงไฮโล ถูกรวย ผิดซวยไปเลย

 

12 สำหรับผม ทุกครั้งที่ผมลงทุนผมจะถามตัวเองก่อนว่าเรามี edge หรือเปล่า เราเก่งกว่าคนอื่นหรือเปล่า ถ้ายังตอบไม่ได้ เราน่าจะเป็นหมูอยู่ในวงดัมมี้แน่ๆ

 

13 ปัจจุบันผมเริ่มลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีในสัดส่วนไม่มาก กระจายๆ หลาย 10 ตัว ตัวละไม่ถึง 1% ของพอร์ต รวมกันไม่ถึง 20% ของพอร์ตหุ้น

 

14 ผมรู้สึกว่าโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หุ้นเทคทำให้เราเรียนรู้เกี่ยวกับโลกใหม่เยอะมากๆ การถือหุ้นหลายๆ ตัว หลายๆ อุตสาหกรรม ทำให้ผมมี skin in the game มีแรงติดตามหุ้นหลายๆ ตัว

 

15 หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับนักลงทุนท่านอื่น ผมมักแสดงความเห็นแบบตรงไปตรงมา คนอื่นจะซื้อจะขาย ผมไม่มีส่วนได้เสีย ไม่เคยขายคอร์ส บางครั้งได้เงินจากการเป็นวิทยากร ผมก็เอาไปบริจาคทั้งหมด