ห้องเม่าปีกเหล็ก

กลุ่ม “เจมาร์ท” งบไตรมาส 2 อ่วม!

โดย BeArt
เผยแพร่ :
115 views

กลุ่ม “เจมาร์ท” งบไตรมาส 2 อ่วม!

JMART-SINGER- SGC-J พลิกขาดทุนหนัก

แต่ JMT แทงสวน กำไรพุ่ง 551 ลบ.โต 27%

.

ไตรมาส 2 JMART รายงานงบพลิกเป็นผลขาดทุนสุทธิ 611.2 ล้านบาท ส่วนใหญ่เพราะ SINGER ที่มีผลขาดทุนสูงถึง 2,396 ล้านบาท โดย SGC ขาดทุน 1,919 ล้านบาท จากการขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและการตัดจำหน่ายหนี้ด้อยคุณภาพ ขณะที่ J พลิกขาดทุนสุทธิ 17.1 ล้านบาท เพราะขาดทุนจากการตีราคาเป็นมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน แต่ JMT มีกำไรสุทธิ 551 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.2%

.

บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ผลการดำเนินการในไตรมาส 2/2566 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 611.2 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 389 ล้านบาท และมีผลขาดทุนงวด 6 เดือนปี 2566 ที่ 906 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนมีกำไรสุทธิ 714 ล้านบาท ดังนั้นคณะกรรมการบริษัทจึงมีมติงดจ่ายปันผลระหว่างกาล

.

โดยธุรกิจจัดจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และมีกำไรสุทธิไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 44 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิ 6 เดือนเท่ากับ 99 ล้านบาท ซึ่งลดลง 49% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจาก แนวโน้มยอดขายมีทิศทางที่ลดลงในช่องทางสำคัญเช่น ซิงเกอร์ ส่วนธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ ยังคงมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง

.

ขณะที่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รอบ 6 เดือนที่ผ่านมา มีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 5.4 ล้านบาท ลดลงเนื่องจากเนื่องจากผลขาดทุนสุทธิจากการตีราคาเป็นมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ขณะที่บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) (ซิงเกอร์) ไตรมาส 2/2566 เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผลประกอบการของบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ โดยในไตรมาส 2/2566 ซิงเกอร์ ได้มีผลประกอบการขาดทุน ส่วน เจ เวนเจอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทย่อย มีผลประกอบการที่มีกำไรสุทธิ ได้ตามเป้าหมาย

.

โดย SINGER รายงานว่า ไตรมาส 2/66 มีขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นบริษัทใหญ่ 2,396 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 265 ล้านบาท ทำให้ครึ่งปีแรก 2566 มีขาดทุนสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 3,239 ล้านบาท เทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 480 ล้านบาท

.

ทั้งนี้ในช่วงไตรมาส 2/66 และครึ่งปีแรกของปี 66 มีผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจ เกิดขึ้นของกลุ่มบริษัทฯ เพิ่มขึ้น 2,898 ล้านบาท และ 3,795 ล้านบาท เนื่องจากในระหว่างงวดบริษัทย่อยได้มีการตัดหนี้สูญกลุ่มลูกหนี้ด้อยคุณภาพของสัญญาเช่าซื้อที่บริษัทได้ติดตามทวงถามและพิจารณาแล้วว่าลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้เป็นจำนวนเงินของลูกหนี้สุทธิหลังจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 917 ล้านบาท

.

อีกทั้งบริษัทย่อยได้บันทึกผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มเติม เพื่อให้เพียงพอและเหมาะสมต่อความเสี่ยง ที่คาดว่าจะเกิดจากลูกหนี้ที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยงด้านเครดิต และลูกหนี้ที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต โดยเป็นผลจากการสิ้นสุดโครงการให้ความช่วยเหลือจากผลกระทบของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ยิ่งกว่านั้นบริษัทมีการพิจารณาการตั้งสำรองสำหรับกลุ่มลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่น

.

ขณะที่ SGC บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิในไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 1,919 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 151 ล้านบาท ทำให้งวด 6 เดือนแรกมีผลขาดทุน 2,287 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 306 ล้านบาท เนื่องจาก ขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและการตัดจำหน่ายหนี้ด้อยคุณภาพ

.

โดยในไตรมาส 2/2566 บริษัทมีผลขาดทุนทางด้านเครดิตที่คาดจะเกิดขึ้น 2,616 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,675.69% จากไตรมาสเดยีวกันของปีก่อน เนื่องจากการตัดหนี้สูญกลุ่มลูกหนี้ด้อยคุณภาพของสัญญาเช่าซื้อที่บริษัทได้ติดตามทวงถามและพิจารณาแล้วว่าลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้เป็นจำนวนเงินของลูกหนี้สุทธิหลังผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 917 ล้านบาท

.

อีกทั้งบริษัทได้บันทึกค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มเติม เพื่อให้เพียงพอและเหมาะสมต่อความเสี่ยงที่คาดว่าจะเกิดจากลูกหนี้ที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยงด้านเครดิตและลูกหนี้ที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต โดยเป็นผลจากการสิ้นสุดของโครงการให้ความช่วยเหลือจากผลกระทบของโรคติดเชื้อไวรสัโคโรนา 2019

.

ส่วน J ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 มีผลขาดทุนสุทธิ 17.1 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 46 ล้านบาท ทำให้ 6 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ 5.4 ล้านบาท ลดลง 90.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลขาดทุนสุทธิจากการตีราคาเป็นมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน

.

ปิดท้ายกันที่ JMT ไตรมาส 2/2566 มีกำไรสุทธิ 551 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 433.3 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นกำไรสุทธิรายไตรมาสที่สูงสุด ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,249.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 14.8% จากการเดินหน้าขยายพอร์ตบริหารหนี้ โดยรายได้ที่ทำสัญญากับลูกค้า รายได้ดอกเบี้ยและกำไรจากเงินให้สินเชื่อการซื้อลูกหนี้ และรายได้รายรับประกันภัยที่เพิ่มขึ้น

.

ส่วนงวด 6 เดือนแรกปี 66 มีกำไรสุทธิ 1,004.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.4% คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 41.8% โดยมียอดจัดเก็บกระแสเงินสดอยู่ที่ 2,930 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้า JK AMC ที่เติบโตสูงขึ้น

 

 


BeArt