
"เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ" แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทอาจผิดนัดชาระหนี้ตั๋วบี/อี เงินกู้แบงก์ และหุ้นกู้ ในเดือนมิ.ย.นี้ รวมกว่า 6.95 พันล้านบาท ขณะที่ธุรกิจเริ่มชะลอตัว และการดำเนินงานในอนาคตขึ้นอยู่กับการเจรจาเจ้าหนี้ เร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหา ด้านตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงห้ามซื้อขายหุ้น(SP) เหตุบริษัทยังชี้แจงไม่ชัดเจน ทั้งแผนการชำระหนี้และผลกระทบในการดำเนินธุรกิจ ด้านโบรกฯให้ระมัดระวังกลุ่มแบงก์ ทั้ง KTB-KBANK หวั่นตั้งสำรองใน Q2/60 ขณะที่สมาคมธนาคารไทย ระบุ EARTH เบี้ยวหนี้ไม่กระทบแบงก์ เหตุเป็นหนี้เก่า-เจ้าหนี้กันสำรองแล้ว
***EARTH รับเบี้ยวหนี้เฉียด 7 พันลบ.
บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด(มหาชน)หรือ EARTH ชี้แจง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ว่า บริษัทมีสินทรัพย์รวม 35,725 ล้านบาท หนี้สินรวม 25,034 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 10,690 ล้านบาท โดยหนี้สินรวมคิดเป็นร้อยละ 70.07 ของสินทรัพย์รวม ยอดผิดนัดชำระหนี้ หนี้ที่เข้าเงื่อนไขผิดนัดชำระหนี้ และหนี้ที่คาดว่าจะผิดนัดชำระหนี้มี 3 รายการ รวมกันมีมูลค่าประมาณ 6,952 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 19.45 ของสินทรัพย์รวมทั้งหมด ประกอบด้วย หนี้ที่ผิดนัดชำระแล้วในเดือน มิ.ย. รวม 1,047.12 ล้านบาท เข้าเงื่อนไขการผิดนัดชำระหุ้นกู้ 2 กอง วงเงินรวม 5,500 ล้านบาท และหนี้สินที่คาดว่าจะไม่สามารถชำระได้ภายในเดือน มิ.ย.รวม 405.70 ล้านบาท
ณ วันที่ 31 มี.ค. 60 มีสินทรัพย์รวม 35,725 ล้านบาท หนี้สินรวม 25,034 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 10,690 ล้านบาท โดยหนี้สินรวมคิดเป็นร้อยละ 70.07 ของสินทรัพย์รวม
ปัจจุบันสถาบันการเงินทุกแห่ง ทบทวนวงเงินสินเชื่อทั้งหมด ทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถขอวงเงินสินเชื่อ หรือออกตั๋วแลกเงินฉบับใหม่ เพื่อทดแทนฉบับเดิมที่ถึงกำหนดชำระได้ จากการผิดนัดชำระหนี้ ทำให้บริษัทฯ ถูกลดระดับความน่าเชื่อถือจากคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ และต้องดำเนินธุรกรรมต่างๆ ในรูปแบบเงินสดมากขึ้น และส่งผลกระทบต่อการบริหารสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทฯ อย่างยากลำบากในขณะนี้
การประกอบธุรกิจของบริษัทชะลอตัว ฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทฯในอนาคต จึงขึ้นอยู่กับการพิจารณาผ่อนผัน และข้อตกลงกับเจ้าหนี้ในแต่ละกลุ่มข้างต้น เพื่อที่จะให้บริษัทฯสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ตามปกติ
ปัจจุบัน บริษัทฯ พยายามหาแนวทางการชำระหนี้ที่แน่นอนเป็นรูปธรรม เนื่องจากอยู่ระหว่างการเจรจากับสถาบันการเงินทุกแห่ง อยู่ในช่วงเวลาของการแก้ไขปัญหาต่างๆ และปรึกษาหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย หากบริษัทมีความคืบหน้าบริษัทจะแจ้งให้ทราบต่อไป
***ตลท. "SP"ยาว หลังแจงผลกระทบไม่ครบถ้วน
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงขึ้น SP หุ้น EARTH เนื่องจากบริษัทยังไม่ได้ชี้แจงผลกระทบที่ชัดเจนว่าปัจจุบันบริษัทมีการดำเนินธุรกิจอยู่หรือไม่ อย่างไร ประกอบกับภาระหนี้ที่ผิดนัดและหนี้ที่คาดว่าจะผิดนัดมีนัยสาคัญอันอาจกระทบต่อฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัท โดยที่บริษัทยังไม่สามารถกำหนดกรอบระยะเวลาและแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นสารสนเทศสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัท ตลท.จึงยังคง SP จนกว่าบริษัทจะชี้แจงข้อมูลได้ชัดเจนและครบถ้วน
***โบรกฯ แนะเลี่ยงแบงก์-หลักทรัพย์ หาก EARTH ถูก SP ยาว ทำมูลค่าหุ้นลดลง
บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) แนะนำ"หลีกเลี่ยงการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ในช่วงนี้" หลัง EARTH แจ้งรายละเอียดการผิดนัดชำระแล้ว ทั้งนี้ การถูกระงับวงเงินจากทุกสถาบันการเงิน ขณะที่ไม่สามารถเข้าถึงตลาดตราสารหนี้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเพิ่มทุน นอกจากนี้ หากตลาดหลักทรัพย์ไม่ปลดเครื่องหมาย SP ห้ามซื้อขาย อาจจะส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ เนื่องจากการชำระราคา (settlement) ของ SSF หุ้น EARTH ด้วยราคาซื้อขายสุดท้ายก่อนหยุดซื้อขาย จะทำให้บริษัทหลักทรัพย์ที่ถือหุ้นมีความเสี่ยงขาดทุน หากหุ้นกลับมาซื้อขายด้วยราคาที่ลดลง ดังนั้น เราแนะนำ หลีกเลี่ยงการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ในช่วงนี้
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แนะระมัดระวังการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร ภายหลัง EARTH ออกมาระบุ ผิดนัดชำระหนี้สินเชื่อเพื่อการค้าอ้างอิง คาดธนาคาร กรุงไทย (KTB) และ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ตั้งสำรองใน Q260
***สมาคมธนาคารไทย ยัน EARTH เบี้ยวหนี้ไม่กระทบแบงก์ เหตุเป็นหนี้เก่า - เจ้าหนี้กันสำรองแล้ว
นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย ระบุกรณี EARTH มีหนี้ที่คาดว่าจะผิดนัดชำระในเดือนมิถุนายนรวม 6.95 พันล้านบาท ยืนยันว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจะไม่กระทบกับระบบสถาบันการเงินของไทยอย่างแน่นอน เนื่องจากสถาบันการเงินแต่ละแห่งมีหลักในการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดี และมีการกันสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นไปตามหลักที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. กำหนดไว้
“หนี้ของ EARTH เป็นหนี้เก่า ซึ่งแบงก์ที่เป็นเจ้าหนี้ก็ได้มีหลักการในการบริหารความเสี่ยง และกันหนี้เสียไว้อยู่แล้ว จึงไม่น่าเป็นกังวลหรือน่าเป็นห่วงต่อระบบสถาบันการเงิน”นายปรีดี กล่าว.
Cr. Efin