Jaguar Land Rover ประกาศผลประกอบการแย่ลงเนื่องจากความต้องการในจีนลด
Jaguar Land Rover ได้บุ๊คบัญชีขาดทุนสำหรับไตรมาศสุดท้ายของปี 2018 อันเนื่องมาจากยอดขายในจีนตกลง
.
บริษัทได้บุ๊คขาดทุน 3.1 พันล้านปอนด์ จากมูลค่าการก่อสร้างโรงงานการผลิตและการลงทุนอื่นๆ นำไปสู่การขาดทุน 3.4 พันล้านปอนด์ในไตรมาศ 4/2018
.
ผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ได้กล่าวว่า “การขาดทุนที่เกิดขึ้นเกิดจากความเข้มงวดของกฎระเบียบที่เพิ่มมากขึ้น และกระแสความนิยมความต้องการรถยนต์พลังงานสะอาดที่สูงมากขึ้น”
.
ยอดขายสำหรับไตรมาศ 4/2018 อยู่ที่ 6.2 พันล้านปอนด์ ตกลงจาก 6.3 พันล้านปอนด์ ในไตรมาศเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดขาย 144,602 คัน จากยอดขายเดิม 154,447 คัน
.
Ralf Speth หัวหน้าผู้บริหารของ Jaguar ได้กล่าวว่า “Jaguar Land Rover ได้รายงานยอดขายที่แข็งแกร่งในไตรมาศ 3/2018 จากยอดขายในอังกฤษและอเมริการเหนือ ถึงแม้ว่า บริษัทยังได้รับผลกระทบจากยอดขายในจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีความท้าทายอย่างมากทั้งในแง่ของตลาดและกฎระเบียบต่างๆ”
.
อย่างไรก็ตาม การขาดทุนดังกล่าวส่งผลกระทบในงบการเงินของบริษัท (Balance Sheet) แต่ยังไม่ส่งผลกับเงินสดของบริษัท (Cash) โดยบริษัทได้บันทึกขาดทุน 273 ล้านปอนด์
.
นอกจากนั้น เป็นที่น่าสังเกตว่า บริษัทรถยนต์ส่วนใหญ่ในยุโรป เป็นรถยนต์ประเภทเครื่องยนต์ดีเซล ขณะที่ยอดขายเครื่องยนต์ดีเซลในยุโรปกำลังลดลงเรื่อยๆ
.
Jaguar Land Rover ซึ่งมีเจ้าของคือบริษัท Tata Motors ของอินเดีย มีแผนที่จะปรับปรุงโครงสร้างในการเตรียมตัวที่จะสร้างกำไรในอนาคต ดังนั้น บริษัทจึงมีแผนที่จะประกาศลดต้นทุนโดยการปลดพนักงานอีกหลายพันตำแหน่ง
.
นอกจากนั้น Theo Leggett ซึ่งเป็น Business correspondent ของ BBC ได้กล่าวว่า “เป็นที่ยอมรับกันว่า มูลค่าการลงทุนที่มีอยู่ของบริษัท อาทิเช่น การก่อสร้างโรงงาน อุปกรณ์ รวมไปถึง การออกแบบรถยนต์โมเดลใหม่ๆ ได้ลดลงจากแผนก่อนหน้าอยู่เป็นจำนวนมาก”
.
หากเปรียบเทียบกับค่ายรถยนต์ในเอเชียอย่าง Toyota แล้ว ยอดขายรถยนต์สวนทางกับ Jaguar Land Rover อย่างสิ้นเชิง เนื่องจาก Toyota ได้รับอานิสงค์จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน เป็นผลให้ผู้บริโภคในจีนหันมาซื้อรถยนต์ในค่ายของญี่ปุ่นมากยิ่งขึ้น แทนที่จะซื้อรถยนต์ที่มาจากสหรัฐหรือยุโรป
.
ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับ Jaguar และค่ายรถยนต์ยุโรปและสหรัฐอื่นๆ ที่จะยังสร้างยอดขายจากประเทศยักษ์ใหญ่ในเอเชียอย่างจีน...