“Welcome to”
เปิดรายชื่อ 15 หุ้นเด่น ที่ราคายังไม่แพง
รับอานิสงส์จีนเปิดประเทศ 8 ม.ค.นี้

.
นับว่าเป็นข่าวดีต่อตลาดหุ้นและเศรษฐกิจไทยส่งท้ายปี หลังจากที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน หรือ NHC ประกาศยกเลิกมาตรการกักตัวผู้โดยสารทั้งหมดจากนอกประเทศที่เดินทางเข้าจีน ซึ่งเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 เป็นต้นไป
.
โดยแน่นอนว่าซึ่งที่ตามนั้นจะเป็นตัวกระตุ้นให้จำนวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมาได้ดีขึ้นและจะช่วยกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาคึกคัก แต่ข่าวดีในครั้งนี้จะมีใครที่ได้รับประโยชน์กันบ้างในวันนี้ทาง Wealthy Thai จะพาผู้อ่านและนักลงทุนที่สนใจไปดูกัน
.
โดยบทวิเคราะห์จากบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้มุมมองว่าแม้จีนจะยกเลิกการกักตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ก่อนเดินทางต้องทำการตรวจเชื้อแบบ RT-PCR ก่อนเดินทางภายใน 48 ชั่วโมง และสาเหตุการปรับลดมาตรการจัดการ COVID-19 สู่ระดับ Category B เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของจีนระบุว่าเนื่องจากโรค COVID-19 มีความอันตรายน้อยลง และจะค่อยๆ พัฒนาสู่โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจทั่วไป
.
หลังจากจีนผ่อนคลายนโยบายควบคุมในช่วงต้นเดือน ธ.ค.65 แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อในจีนยังอยู่ระดับสูง แต่ภาครัฐจีนเลือกที่จะเดินหน้าเปิดประเทศและประกาศยกเลิกการรายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 ไปเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. ทั้งหมดนี้เรามองเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกว่าจีนเริ่มปรับตัวอยู่ร่วมกับ COVID-19 เหมือนชาติอื่นๆ ทั่วโลกแล้ว
.
อย่างไรก็ดีเรามีมุมมองเป็นบวกต่อประเด็นดังกล่าวการเปิดประเทศเร็วตั้งแต่ต้นปี 2566 คาดทำให้การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนดีกว่าสมมติฐานที่มองไว้ว่าจะเห็นช่วงหลังไตรมาส 1/66 ถึงกลางปี 2566 และทำให้คาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวในปี 2566 ของเราที่ 25 ล้านคนมีโอกาสเกิดอัพไซต์
.
แม้หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวจะปรับขึ้นมามากแล้ว แต่ยังมีหุ้นที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนที่ยัง Laggard และราคาเหมาะสมยังมี Upside Risk ได้แก่ หุ้นสนามบิน AOT (ราคาเป้าหมายที่ 84 บาท) หุ้นกลุ่ม Re-opening ที่พึ่งพาการท่องเที่ยวในไทยได้แก่ ERW (ราคาเป้าหมายที่ 4.90 บาท), SPA (ราคาเป้าหมายที่ 11.90 บาท), SHR (ราคาเป้าหมายที่ 4.70 บาท) และ VRANDA (ราคาเป้าหมายที่ 8.80 บาท) เป็นตัวเลือกที่ตลาดจะเก็งกำไร
.
ส่วนหุ้นโซนล่างที่แนะนำ ได้แก่ กลุ่มสายการบิน III AAV BA ,กลุ่มค้าปลีก BJC MAKRO ,กลุ่มโรงกลั่น TOP ESSO ,กลุ่มปิโตรเคมี PTTGC ,กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ NOBLE ANAN ORI ,กองรีทโรงแรม LHHOTEL BAREIT ,กลุ่มกองเรือ PSL PRM ,กลุ่มยางพารา NER TEGH และกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์ทางอ้อม ธนาคาร ไฟแนนซ์