ห้องเม่าปีกเหล็ก

โบรกคาด BCP ครึ่งปีหลังฟื้น

โดย INVESTING
เผยแพร่ :
30 views

โบรกคาด BCP ครึ่งปีหลังฟื้น ปักธงอีก 3 ปี EBITDA พุ่ง 100%

 

  • บางจาก (BCP) ตั้งเป้าเพิ่ม EBITDA ขึ้น 100% ภายในปี 2571 (2028) โดยจะมาจากการเติบโตของธุรกิจเดิม (58%) การปรับปรุงประสิทธิภาพ (12%) และธุรกิจใหม่ (30%)
  • นักวิเคราะห์คาดว่าผลการดำเนินงานในครึ่งหลังของปี 2568 จะฟื้นตัว โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจไฟฟ้า
  • ธุรกิจโรงกลั่นจะกลับมาเดินเครื่องได้ตามปกติหลังจากการหยุดซ่อมบำรุง โดยคาดว่าค่าการกลั่น (GRM) จะอยู่ที่ 7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
  • ธุรกิจไฟฟ้าคาดว่าจะมีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้าใหม่ในเวียดนามและ สปป.ลาว รวมถึงการปรับขึ้นค่าไฟในสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยให้กำไรขยายตัว
  • หนึ่งในกลยุทธ์หลักคือการแยกธุรกิจ Trading ออกมา ซึ่งผู้บริหารคาดว่าจะทำให้ EBITDA ของส่วนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 4,400 ล้านบาทในปี 25

 

นารี อภิเศวตกานต์ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า ในงาน Investor Forum 2025 ผู้บริหาร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน หรือ BCP ได้ให้ภาพต่อจากนี้จนถึงปี 2571 ผ่าน 4 หัวข้อหลัก ดังนี้

  • เป้าเพิ่ม EBITDA 100% ในปี 2028 โดยจะทำร่วมกันทุกกลุ่มธุรกิจในบริษัท ทั้งการปรับปรุงประสิทธิภาพ, ควบคุมค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้มาตามเป้าหมายที่วางไว้ โดย EBITDA ที่ตั้งเป้าไว้มาจากธุรกิจเดิม 58%, การปรับปรุงประสิทธิภาพภายใน 12% และธุรกิจใหม่ 30%
  • ความมั่นคงทางพลังงานและความยั่งยืน พิจารณาจากธุรกิจที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบันรองรับการเติบโตและความยั่งยืนของพลังงานในอนาคตได้อย่างไร รวมถึงมองหาโอกาสใหม่ ๆ
  • ประเมินตนเอง ปรับปรุงธุรกิจที่มีอยู่ให้แข่งขันกับคู่แข่งได้ พร้อมกับพิจารณาผลตอบแทนที่ได้ของเงินลงทุนที่ดำเนินอยู่
  • โครงการซื้อหุ้นคืนใน 3 ปีข้างหน้า โดย BCP มีแผนโครงการซื้อหุ้นคืน 3 ปีข้างหน้าเริ่มตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป แต่ยังไม่ได้แจ้งเงื่อนไข และวงเงินว่าจะเป็นอย่างไร แต่คาดจะทำให้ผลตอบแทนผู้ถือหุ้น(ROE)ดีขึ้น รวมถึงการจ่ายเงินปันผลยังมีอัตราภารจ่ายเพิ่มจากกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง

 

ทั้งนี้ 5 ธุรกิจหลักขับเคลื่อนการดำเนินงาน โดยธุรกิจเดิมยังเป็นตัวขับเคลื่อนการดำเนินงานแต่จะหาการลงทุนใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่ากิจการในกลุ่มมากขึ้นดังนี้

  • รวม 3 ธุรกิจเข้าด้วยกัน โดยจะรวมธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันเข้าด้วยกันประกอบด้วย โรงกลั่น, การตลาด และชีวภาพ
  • ธุรกิจ Trading จะแยกออกมาจากธุรกิจโรงกลั่นเพื่อหาช่องทางการดำเนินงานเพิ่มจากความเชี่ยวชาญในการจัดหาน้ำมัน, บริหารความเสี่ยง รวมถึงหาตลาดส่งออก ผบห. คาดว่าธุรกิจดังกล่าวจะทำให้ EBITDA เพิ่มเป็น 4,400 ล้านบาท ในปี 2028 จากปี 2022-2024 อยู่ที่ 650 ล้านบาท
  • ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ จะเริ่มขยายเข้าสู่เอเชียมากขึ้น จากการร่วมถือหุ้นกับเชฟรอนแหล่ง G2/65 ในอ่าวไทยซึ่งคาดจะเริ่มผลิตได้ในปี 2027 เป็นต้นไป
  • ธุรกิจไฟฟ้า จากการลงทุนของ BCPG โครงการโรงไฟฟ้าทั้งในไทย และตปท.
  • ธุรกิจใหม่ หาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่ากิจการ

 

โดยแนวโน้มครึ่งปีหลังของปี 2568 คาดการดำเนินงานกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง โดยเฉพาะจากกลุ่มโรงกลั่น, ไฟฟ้า โดยโรงกลั่นจะกลับมาเดินเครื่องปกติจากช่วงก่อนหน้ามีหยุดซ่อม และคาด GRM 7 เหรียญ/ บาร์เรล ขณะที่ ธุรกิจไฟฟ้า คาดปริมาณขายจะเพิ่มขึ้นตามโรงไฟฟ้าใหม่ที่จะเข้ามาทั้งที่เวียดนาม และสปป.ลาว อีกทั้งการได้ปรับค่าไฟในสหรัฐทำให้กำไรของ BCPG กลับมาขยายตัว

อย่างไรก็ตาม เรายังคงประมาณการการดำเนินงานปี 2025 ไว้ดังเดิมตามรายงานฉบับก่อนจากผลกระทบต่อการดำเนินงานในครึ่งปีแรกที่อ่อนแอ ภายใต้สมมติฐาน GRM 5.03 เหรียญ/บาร์เรล, ค่าการตลาด 0.88 บาท/ ลิตร ปริมาณขายน้ำมัน 1,210 ล้านลิตร และปริมาณขายธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ 39 KBOED เราคาดกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 2,451 ล้านบาท ขยายตัว +12.2% y-y 

สำหรับสำหรับประเด็นที่ TTCL บอกเลิกสัญญาออกแบบโครงการ SAF เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2025 นั้น ผู้บริหารแจ้งว่าอยู่ระหว่างไกล่เกลี่ยกัน แต่ล่าสุดได้ผู้รับเหมารายใหม่มาดำเนินงานในโครงการดังกล่าวต่อแล้ว ซึ่งคาดว่าจะสามารถ COD ได้กลางปี 2026 เป็นต้นไป

โดย SAF เป็นโครงการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนซึ่งจะผลิตจากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว ตามแผนเดิมจะมีกำลังการผลิต 1 ล้านบาร์เรล/ วัน และจะเริ่ม COD ไตรมาส 4/68 ด้วยเงินลงทุนทั้งสิ้น 8,500 ล้านบาท เรามองว่าจากปัญหาที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของโครงการจากเดิมที่ล่าช้าอยู่แล้วจะยิ่งล่าช้าออกไป อย่างไรก็ดี SAF ยังไม่ได้อยู่ในประมาณการของเรา

“ช่วงก่อนหน้าราคาหุ้นถูกกดดันจากปัญหาเรื่องโครงสร้างการถือหุ้น แต่เรามองว่าทุกอย่างมีแนวโน้มดีขึ้น และเริ่มหันมาดูถึงการดำเนินงานที่จะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในธุรกิจหลักที่ยังเป็นตัวขับเคลื่อนโดยเฉพาะจากกลุ่มโรงกลั่น และโรงไฟฟ้า กลยุทธ์การลงทุนยังคงแนะนำ ซื้อเก็งกำไรตามการปรับขึ้นของราคาน้ำมัน และ GRM ที่ดีขึ้น”

 

 

 

ที่มา…  https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1201018

 


INVESTING