วิกฤติรัสเซีย-ยูเครน จ่อฉุดการค้าโลกร่วงหนัก คาด GDP ทั่วโลกเหลือ 3.1-3.7%
สำนักข่าวซินหัวรายงานเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2565 ว่า วิกฤติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างร้ายแรง นำไปสู่การปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของการค้าโลกในปี 2022 จากร้อยละ 4.7 เมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน เหลืออยู่ที่ระหว่างร้อยละ 2.4-3
ตัวเลขคาดการณ์ล่าสุดดังกล่าวจัดทำโดยองค์การการค้าโลก (WTO) และอ้างอิงแบบจำลองเศรษฐกิจโลก โดยวิกฤตความขัดแย้งอาจทำให้การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทั่วโลกลดลง 0.7-1.3 จุด เหลืออยู่ที่ระหว่างร้อยละ 3.1-3.7 ในปี 2022 ทั้งยังผลักดันราคาอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น และกระทบต่อการส่งออกสินค้าจากทั้งรัสเซียและยูเครน
รัสเซียและยูเครนต่างเป็นประเทศส่งออกสินค้าจำเป็นแห่งสำคัญของโลก โดยเฉพาะอาหารและพลังงาน โดยทั้งสองประเทศส่งออกข้าวสาลีราวร้อยละ 25 ข้าวบาร์เลย์ร้อยละ 15 และดอกทานตะวันร้อยละ 45 สู่ทั่วโลกในปี 2019 อีกทั้งรัสเซียยังครองสัดส่วนร้อยละ 9.4 ของการค้าเชื้อเพลิงโลก รวมถึงส่งออกก๊าซธรรมชาติร้อยละ 20
รัสเซียเป็นหนึ่งในประเทศส่งออกแร่แพลเลเดียมและโรเดียมแห่งสำคัญของโลก ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตเครื่องฟอกไอเสียเชิงเร่งปฏิกิริยาสำหรับรถยนต์ ขณะการผลิตสารกึ่งตัวนำขึ้นอยู่กับนีออนที่จัดหาโดยยูเครน ดังนั้นการหยุดชะงักของการส่งออกวัสดุเหล่านี้อาจกระทบผู้ผลิตรถยนต์ในช่วงที่อุตสาหกรรมเพิ่งฟื้นตัวจากปัญหาขาดแคลนสารกึ่งตัวนำเมื่อไม่นานนี้
ยุโรป ซึ่งเป็นจุดหมายส่งออกหลักของทั้งรัสเซียและยูเครน มีแนวโน้มได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง เพราะการขนส่งธัญพืชและอาหารอื่นๆ ที่ลดลงจะทำให้ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น
ส่วนแอฟริกาและตะวันออกกลางเป็นภูมิภาคที่เปราะบางที่สุด เนื่องจากทั้งสองภูมิภาคนำเข้าธัญพืชที่จำเป็นจากยูเครนและ/หรือรัสเซียมากกว่าร้อยละ 50 ขณะบางประเทศในภูมิภาคแอฟริกาใต้ทะเลทรายซาฮารา (Sub-Saharan Africa) กำลังเผชิญกับการขึ้นราคาข้าวสาลีที่อาจสูงถึงร้อยละ 50-85 อันเป็นผลมาจากปัญหาด้านการขนส่งธัญพืช
“วิกฤตการณ์ในปัจจุบันมีแนวโน้มซ้ำเติมความไม่มั่นคงทางอาหารระหว่างประเทศในช่วงที่ราคาอาหารสูงเป็นประวัติการณ์อยู่ก่อนแล้วจากการระบาดของโรคโควิด-19 และปัจจัยอื่นๆ” แถลงการณ์เตือน
อ้างอิง : https://www.xinhuathai.com/eco/276753_20220412