(กรุงเทพฯ : 12 กันยายน 2560) พาแนลพีนาประเทศไทย หนึ่งในผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านซัพพลายเชนระดับโลก
ขยายศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ที่ TPARK บางนา ขนาดพื้นที่ 9,500 ตร.ม. เพื่อรองรับการขยายธุรกิจการบริหารจัดการคลังสินค้า การขนส่งน้ำมันหล่อลื่นและจารบี เคมีภัณฑ์ และชิ้นส่วนยานยนต์ ในประเทศไทย
นายแมทธิว มาโฮนีย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พาแนลพีนา เวิลด์ ทรานสปอร์ท (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งในผู้ให้บริการด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยว่า “กลุ่มพาแนลพีนามีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในด้าน
การจัดการโลจิสติกส์ โดยกลุ่มบริษัทมีสำนักงานเครือข่ายกว่า 500 แห่ง ใน 75 ประเทศทั่วโลก และทำงานร่วมกับบริษัทพันธมิตรอีกกว่า 90 ประเทศ กลุ่มพาแนลพีนาเริ่มขยายธุรกิจในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2532 เพื่อให้บริการที่ครอบคลุมสำหรับลูกค้า
ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ การขนส่งทางเรือ และทางอากาศ การเป็นตัวแทนผู้นำเข้า-ส่งออก การขนส่งสินค้า
ทั้งภายในประเทศ และระหว่างประเทศ สถานีบรรจุและคัดแยกสินค้า รวมถึงบริการคลังสินค้า และการจัดเก็บสินค้า เป็นต้น
โดยได้พันธมิตรที่ดีเช่นบริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด หรือทีพาร์ค ในการให้เช่าคลังสินค้าที่โครงการ TPARK บางนา
ตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โดยคลังสินค้าแห่งแรกเป็นคลังสินค้าสำหรับจัดเก็บวัตถุอันตราย (DG Warehouse)
ต่อมาได้ขยายคลังสินค้าในเขตปลอดภาษี (Free Zone Warehouse) และล่าสุดศูนย์กระจายสินค้า สำหรับน้ำมันหล่อลื่นและ
จารบี ตามลำดับ”
ธุรกิจด้านโลจิสติกส์ของพาแนลพีนาในประเทศไทยมีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา จึงทำให้ปัจจุบันมีการเติบโตเฉลี่ย 52% ต่อปี โดยมีสัดส่วนลูกค้าประเภทสินค้าน้ำมันหล่อลื่นและจารบี 56% สินค้าเคมีภัณฑ์ 33
และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ 12% ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องขยายคลังสินค้าเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการขยายธุรกิจด้านการขนส่งของบริษัทฯ โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าประเภทน้ำมันหล่อลื่น และจารบี ที่มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเชื่อมั่นในคุณภาพและ
ระบบสาธารณูปโภคที่ครบครันของทีพาร์ค บริษัทฯ จึงได้ขยายคลังสินค้าสร้างตามความต้องการของกลุ่มพาแนลพีนา
(Built to Suit Warehouse) บนขนาดพื้นที่ 9,500 ตารางเมตรที่โครงการ TPARK บางนา ซึ่งตั้งอยู่บนทำเลยุทธศาสตร์ ในการกระจายสินค้าไปยังสถานีน้ำมันทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทยอีกด้วย
นอกเหนือจากการขยายศูนย์กระจายสินค้าแล้ว พาแนลพีนายังลงทุนด้านเทคโนโลยีการกระจายสินค้าเพิ่มเติม โดยใช้ระบบ JDA/RedPrairie ซึ่งเป็นระบบจัดการคลังสินค้าของบริษัทฯ เพื่อทำการควบคุมปริมาณคน ปริมาณอุปกรณ์การขนย้าย ควบคุมจำนวนวันที่จัดเก็บสินค้า ความถูกต้องของสินค้าคงเหลือ การใช้ประโยชน์ของอาคาร และการบริหารจัดการ
ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยสามารถเชื่อมต่อกับระบบของลูกค้าได้ทันที เช่น SAP ผ่านการส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อลดความผิดพลาดในการคีย์ข้อมูล และเพิ่มความรวดเร็วในการส่งผ่านข้อมูล เป็นต้น
“พาแนลพีนายังคงพัฒนาเครือข่ายบริการด้านโลจิสติกส์ให้กว้างขวางอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ทางเรือ ทางอากาศ หรือการขนส่งภายในประเทศ และระหว่างประเทศ ซึ่งการขยายศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทฯ ในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ของบริษัทฯ
ที่จะช่วยเพิ่มช่องทางการเข้าถึงตลาดใหม่ที่กำลังเติบโต และตลาดในอุตสาหกรรมดั้งเดิม รวมถึงช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการขนส่งและการจัดการด้านซัพพลายเชน และช่วยลดต้นทุนของลูกค้าในการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายแมทธิว กล่าว
ทั้งนี้ นายวีรพันธ์ พูลเกษ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทไทคอน ในฐานะบริษัทแม่ของบริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด หรือ ทีพาร์ค ผู้นำด้านการพัฒนาคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าคุณภาพมาตรฐานระดับสากล กล่าวเสริมว่า
"ทีพาร์ครู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่กลุ่มพาแนลพีนาได้มอบความไว้วางใจในความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการคลังสินค้าคุณภาพสูง ในโครงการ TPARK บางนา โดยพาแนลพีนาเป็นลูกค้าของทีพาร์คตั้งแต่ปี 2555 เริ่มเช่าคลังสินค้าวัตถุอันตราย
บนพื้นที่ขนาด 5,540 ตารางเมตร ต่อมาได้ขยายคลังสินค้าภายในเขตปลอดภาษี บนพื้นที่ขนาด 2,000 ตารางเมตร และล่าสุด พาแนลพีนาได้เช่าคลังสินค้าแบบ Built to Suit บนพื้นที่ขนาด 9,500 ตารางเมตร เพื่อจัดเก็บสินค้าประเภทน้ำมันหล่อลื่น และจารบีให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงมีพื้นที่คลังสินค้าทั้ง 3 อาคาร รวมทั้งสิ้นกว่า 17,000 ตารางเมตร โดยทีพาร์คมีทีมงานมืออาชีพที่ทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าและกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน เพื่อที่จะออกแบบอาคารหลังนี้ให้ถูกต้องตามข้อกำหนด
ของกฎหมาย อาทิเช่น คลังสินค้าจะต้องเป็นลักษณะอาคารเดี่ยว (Stand Alone Building) และมีการติดตั้งสปิงเกอร์ระบบโฟม
ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการดับของเหลวไวไฟ”
นอกจากนี้ ทีพาร์คยังมีคลังสินค้าวัตถุอันตราย (DG Warehouse) ที่พร้อมใช้ในโครงการ TPARK บางนา ที่สร้างถูกต้อง
ตามกฎหมายของกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อให้บริการลูกค้าที่ต้องการเก็บสินค้าวัตถุอันตราย
ด้วยมาตรฐานระดับสากลจึงทำให้ทีพาร์คได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศหลายราย โดยหนึ่งในลูกค้ารายสำคัญ คือ พาแนลพีนา เวิลด์ ทรานสปอร์ท (ประเทศไทย)
“ทีพาร์คมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาคลังสินค้าวัตถุอันตรายและคลังสินค้าจัดเก็บของเหลวไวไฟ ที่ต้องได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานภาครัฐ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสารเคมีและวัตถุอันตราย โดยมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดี ตั้งแต่ขั้นตอนของการออกแบบไปจนถึงการประสานงานขอรับการรับรองตามกฎหมาย โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้าและผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน มีการปฏิบัติตามข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัดรวมถึงใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก” นายวีรพันธ์ กล่าวท้าย
เกี่ยวกับ TPARK
บริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด หรือ TPARK ได้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 ปัจจุบัน มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 19,500 ล้านบาท (ณ วันที่ 7 เม.ย. 60) เป็นบริษัทในกลุ่ม TICON หรือ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมแบบครบวงจรในอาเซียน โดยบริษัท TPARK ดำเนินธุรกิจเป็นผู้พัฒนาคลังสินค้า และศูนย์กระจายสินค้าคุณภาพมาตรฐานระดับสากล ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ 33 แห่งทั่วประเทศ และเป็นบริษัทแห่งแรกของไทยที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ให้ดำเนินธุรกิจพัฒนาเขตอุตสาหกรรมโลจิสติกส์อย่างเต็มรูปแบบ TPARK พัฒนาคลังสินค้าทั้งแบบพร้อมใช้ (Ready Built Warehouse) เพื่อให้ผู้เช่าดำเนินกิจการได้ทันที และคลังสินค้าที่สร้างตามความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของ
ลูกค้า (Built to Suit) นอกจากนี้ ภายในโครงการของ TPARK ยังได้ออกแบบและพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่จำเป็นด้วยมาตรฐานระดับสูงเพื่อรองรับทุกความต้องการของผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์
นอกเหนือจากการพัฒนาคลังสินค้าคุณภาพสูงแล้ว บริษัท TPARK ยังเป็นผู้นำในการพัฒนาคลังสินค้าสีเขียวแห่งแรกของประเทศไทยที่สามารถคว้ามาตรฐานระดับ Silver LEED® จาก U.S. Green Building Council (USGBC) องค์กรผู้นำด้านการกำหนดมาตรฐานอาคารสีเขียวในสหรัฐที่ได้รับการยอมรับระดับโลก และมาตรฐาน EDGE (Excellence in Design for Greater Efficiencies) นวัตกรรมในการรับรองมาตรฐานความเป็นเลิศในการออกแบบอาคารเพื่อประสิทธิภาพสำหรับตลาดเกิดใหม่ของบรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (IFC) ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มธนาคารโลก และนับเป็นหนึ่งในแนวทางการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนของบริษัทอีกด้วย
ปัจจุบัน TPARK มีพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการรวมกว่า 1.55 ล้านตารางเมตร โดยกลุ่มลูกค้าของบริษัทเป็นผู้ดำเนินธุรกิจจากหลายอุตสาหกรรม อาทิ ผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์ ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์ ผู้ดำเนินธุรกิจประเภทค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภค และ ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น