ห้องเม่าปีกเหล็ก

โอกาสปรับโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหญ่

โดย INVESTING
เผยแพร่ :
60 views

โอกาสปรับโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เมื่อไทยเจอภาษีตอบโต้สหรัฐ

By นครินทร์ ศรีเลิศ

 

แม้ว่าตัวเลขภาษีตอบโต้ (reciprocal tariff) ที่ไทยได้รับหลังจากการเจรจากับสหรัฐสุดท้ายจะออกมาอยู่ที่ 19% ซึ่งถือเป็นระดับที่หลายๆฝ่ายโดยเฉพาะฝ่ายรัฐบาลรู้สึก “สบายใจ” เและ “โล่งใจ” 

 

พราะตัวเลขนี้อยู่ในระดับเดียวกับหลายประเทศในอาเซียนที่เป็นคู่แข่งกับไทยไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม มาเลเซีย อินโดนิเซีย และฟิลิปปินส์ และเป็นตัวเลขที่ลดลงจากครั้งแรกที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีจากไทยรอบแรกที่ 36%

อย่างไรก็ตามเงื่อนไขของการได้อัตราภาษี 19% นั้นเป็นที่เปิดเผยว่าประเทศไทยนั้นต้องแลกกับเงื่อนไขหลายอย่างโดยเฉพาะการเปิดตลาดรับสินค้าจากสหรัฐให้เข้ามาสู่ตลาดไทยเพิ่มมากขึ้นหลายหมื่นสินค้า ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกษตร สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และในอีกหลายกลุ่มสินค้าที่ได้ประโยชน์ จากนโยบายสหรัฐที่กดดันให้ประเทศต่างๆเปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐสามารถนำเข้ามาขายเพิ่มเติมในประเทศไทยได้

จากอัตราภาษีที่สหรัฐปรับขึ้นกับหลายประเทศที่ส่งสินค้าไปขายในสหรัฐแล้วส่งออกได้น้อยลงก็จะเริ่มหาตลาดใหม่ ไทยจึงเสี่ยงเป็นปลายทางของสินค้าที่ส่งออกจากประเทศต่างๆเข้ามาขายในตลาดมากขึ้น ซึ่งภาวะแบบนี้เรียกว่า “Twin Influxes” สินค้าจากทั้งสหรัฐและจีนจะไหลบ่าเข้ามาถาโถใส่ผู้ประกอบการไทย

 

ข้อมูลจากสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล ประธานกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจสภาผู้แทนราษฎร บอกว่าจากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยพบว่า การเข้ามาของสินค้าเหล่านี้ เสี่ยงกระทบผู้ประกอบการไทย ธุรกิจไทยโดยเฉพาะ SMEs กว่า 3 ล้านกิจการ มีแรงงานเกี่ยวข้องมากกว่า 10 ล้านคน มีเกษตรกรจำนวนมากที่จะได้รับผลกระทบนับล้านคน ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 5.2 แสนคน ผู้ปลูกมันสำปะหลังและอ้อยประมาณ 1.2 ล้านคน

รัฐบาลจึงจำเป็นต้องมีมาตรการในการช่วยเหลือเยียวยา และช่วยให้ผู้ประกอบการและ SMEs สามารถปรับตัวรับการแข่งขันกับการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงในครั้งนี้

พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ยอมรับว่าผลการเจรจากับสหรัฐในครั้งนี้เป็นสัญญาณให้ประเทศไทยต้องเร่งปรับตัว เดินหน้าสร้างเศรษฐกิจที่มั่นคง แข็งแกร่ง และพร้อมรับมือกับความท้าทายของโลกในอนาคต

การทำงานของ “ทีมไทยแลนด์” ยังไม่สิ้นสุด รัฐบาลได้จัดเตรียมมาตรการรองรับอย่างรอบด้าน ทั้งงบประมาณ Soft Loan เงินอุดหนุน มาตรการภาษี และการปฏิรูปกฎระเบียบที่จำเป็น เพื่อยกระดับให้ไทยสามารถปรับตัว และก้าวสู่โลกเศรษฐกิจในอนาคตได้อย่างมั่นใจ

ขณะที่ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) บอกว่าประเทศไทยต้องคิดหนักเรื่อง “การทำมาหากิน” คือการสร้างรายได้ของประชาชน และการสร้างรายได้ของประเทศให้เพิ่มขึ้นอย่างไร เพราะการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมจำนวนมากอาจไม่ใช่ทางออกของประเทศแบบในอดีต

ดร.สมเกียรติบอกว่าที่ผ่านมาแรงผลักดันจากภายนอกประเทศเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยแข็งแรงขึ้นในทางเศรษฐกิจ

...หวังว่าในครั้งนี้จะเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราจะสามารถทำได้สำเร็จ

 

ที่มา. https://www.bangkokbiznews.com/blogs/business/economic/1192489

 


INVESTING