ห้องเม่าปีกเหล็ก

สรุปประเด็น TMB เพิ่มทุน

โดย หญิงแม้น
เผยแพร่ :
70 views

สรุปประเด็น TMB เพิ่มทุน 6.2 หมื่นล้านและสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปหลังรวมกับธนชาต

เป็นทางการแล้วสำหรับประเด็นธนาคารทหารไทย (TMB) ควบรวมกิจการกับธนาคารธนชาต (TBANK) ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดมีรายละเอียดออกมาแทบครบถ้วนแล้ว ตั้งแต่เรื่องการอนุมัติเพิ่มทุน สัดส่วนการแบ่งหุ้นเพิ่มทุน และสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป

 

ข้อมูลจาก TMB ในสาระสำคัญมีดังนี้ 

1. ได้อนุมัติเพิ่มทุน 62,371 ล้านหุ้น รองรับการควบรวม TBANK

2. 31,481 ล้านหุ้น ในส่วนของการเพิ่มทุนครั้งนี้เพื่อรองรับการออก TSR ให้กับผู้ถือหุ้นเดิม TMB สัดส่วน 1.39 : 1 อายุไม่เกิน 2 เดือน ราคาใช้สิทธิ 1.35 บาท - 1.60 บาทต่อหุ้น

3. 27,622 ล้านหุ้น ในส่วนของการเพิ่มทุนครั้งนี้เพื่อขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมของธนาคารธนชาตทุกราย ราคาเสนอขายเท่ากับ 1.1 เท่าของมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น อ้างอิงข้อมูลทางการเงินตามงบการเงินรวม ณ วันที่ 30 กันยายน 2562

4. 3,067 ล้านหุ้น ในส่วนของการเพิ่มทุนครั้งนี้เพื่อขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ราคาเสนอขายเท่ากับ 1.1 เท่าของมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น อ้างอิงข้อมูลทางการเงินตามงบการเงินรวม ณ วันที่ 30 กันยายน 2562

5. จำนวนไม่เกิน 200,000,000 หุ้น ให้แก่ผู้บริหาร และพนักงานของธนาคารฯ หรือบริษัทย่อยของธนาคารฯ (รวมถึงธนาคารธนชาตภายหลังการเข้าซื้อหุ้นจนเป็นผลให้ธนาคารธนชาตกลายเป็นบริษัทย่อยของธนาคารฯ)

6. TMB จะเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TBANK 2 ราย ได้แก่ TCAP และ BNS เพื่อซื้อหุ้นของ TBANK รวมทั้งสิ้น 6,062 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 99.96% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด หลังจากนั้น TMB จะเสนอซื้อหุ้นของ TBANK ที่เหลือทั้งหมดจานวน 2.42 ล้านหุ้น จากผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นทุกรายด้วย คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 0.04%

 7. ภายหลังการรวมกิจการ TMB จะมีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท ฐานลูกค้าราว 10 ล้านคน และมีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 6 ในอุตสาหกรรมของธนาคารพาณิชย์ไทย

8. กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 23 ก.ย. 2562 วันที่ไม่ได้รับสิทธิเข้าประชุม (XM) 21 ส.ค. 2562

9. มีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ประเมินแผนเพิ่มทุนจะชัดเจนเป็นทางการภายในปี 2562 นี้ ส่วนกระบวนการควบรวมคาดจะแล้วเสร็จสิ้นสิ้นปี 2564

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคที ซีมิโก้ ระบุถึงเรื่องดังกล่าวว่า แม้ในระยะสั้นอาจมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่านธุรกิจ แต่จะส่งผลดีในระยะยาวจากศักยภาพที่จะเสริมซึ่งกันและกัน ประเมินเบื้องต้น มูลค่าเหมาะสมสำหรับธนาคารใหม่หลังควบรวมกิจการ น่าจะอยู่ในกรอบ 2.0-2.10 บาท/หุ้น ( /-) อิงมูลค่าทางบัญชีของธนาคารใหม่ที่ราว 2.0 บาท/หุ้น ( /-)  

ในขณะที่ TCAP มีแนวโน้มที่จะบันทึกกำไรจากการขายหุ้น 50.96% ใน TBANK คิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ราว 2.0 บาท/หุ้น ( /-)

 

 

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


หญิงแม้น