ห้องเม่าปีกเหล็ก

การคว่ำบาตรรัสเซียจะทำให้เกิด supply shock และเปลี่ยนทิศทางพลังงานโลก

โดย Blue Sea
เผยแพร่ :
56 views

การคว่ำบาตรรัสเซียจะทำให้เกิด supply shock และเปลี่ยนทิศทางพลังงานโลก

ประมาณการการเติบโตอุปสงค์น้ำมันโลกถูกปรับลดลง 0.5-1.0 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี 2565 จากผลกระทบของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้น การคว่ำบาตรรัสเซีย และการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน แต่องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ประมาณการว่ากำลังการผลิตน้ำมันของรัสเซียจำนวน 3 ล้านบาร์เรล/วัน อาจต้องหยุดลงเนื่องจากการคว่ำบาตรและผู้ซื้อปฏิเสธจะซื้อจากรัสเซีย

ขณะที่ OPEC เป็นผู้ผลิตน้ำมันที่สามารถชดเชยการขาดหายไปของอุปทานดังกล่าวได้ในทันที แต่ OPEC จะยินดีเพิ่มการผลิตน้ำมันหรือไม่ยังคงเป็นที่น่าสงสัย ดังนั้น ราคาน้ำมันจึงน่าจะอยู่ในระดับสูงในปี 2565 หลังผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นต้องใช้เวลามากกว่า 1 ปีในการเพิ่มกำลังการผลิต

????ผลกระทบต่อผู้เล่นระดับกลางถึงปลายน้ำ

จากภาวะ supply shock ของน้ำมันทั่วโลก จีนได้ขอให้โรงกลั่นของรัฐหยุดการส่งออกน้ำมันเบนซินและดีเซลซึ่งส่งผลให้ความสมดุลของอุปทานน้ำมันสำเร็จรูปในภูมิภาคตึงตัวมากขึ้นและผลักดันค่าการกลั่น (GRM) ให้สูงขึ้น หากการห้ามส่งออกน้ำมีผลบังคับใช้ตลอดทั้งปี วัฐจักรขาขึ้นของโรงกลั่นน้ำมันรอบใหม่จะมาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า โดยสำหรับผู้ผลิตสินค้าเคมีภัณฑ์ แรงกดดันด้านต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นท่ามกลางกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และกำลังการผลิตปิโตรเคมีขนาดใหญ่แห่งใหม่ที่จะเข้ามา จะเพิ่มแรงกดดันต่อส่วนต่างราคาเคมีภัณฑ์ให้ลดลงสู่ระดับต้นทุนการดำเนินงานที่เป็นเงินสด ซึ่งจะทำให้โรงงานต้องลดอัตราการผลิตลง สำหรับผู้ประกอบการค้าปลีกน้ำมัน

✍เราคาดว่ารัฐบาลไทยจะดำเนินการแทรกแซงราคาน้ำมันต่อไป ทำให้ค่าการตลาดน้ำมันขายปลีกยังต่ำกว่าระดับปกติ แต่หากราคาน้ำมันดิบร่วงต่ำกว่า 70 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ค่าการตลาดน้ำมันขายปลีกจะเริ่มฟื้นตัวสู่ระดับปกติ ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นภายในปี 2565

????สถานการณ์ที่เป็นไปได้ 3 กรณี
1.กรณีที่เลวร้ายที่สุด
สงครามและ/หรือการคว่ำบาตรทวีความรุนแรง ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย กรณีนี้หลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีทั้งหมด
2.กรณีพื้นฐาน
สงครามสิ้นสุดลง แต่สหรัฐฯ และยุโรปยังคงห้ามการนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย ไม่มีภาวะเศรษฐกิจถดถอย กรณีนี้ผู้ผลิตพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่นเป็นผู้รับผลประโยชน์มากที่สุด
3.กรณีที่ดีที่สุด
สงครามสิ้นสุดลง ผู้ผลิตน้ำมันทุกรายเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อชดเชยส่วนที่ขาดหายไปจากรัสเซีย หรือ ทุกสิ่งกลับไปสู่ภาวะปกติก่อนเกิดวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน กรณีนี้ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกน้ำมันจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงสุด

????ปรับสมมุติฐานหลัก
กำไรกลุ่มพลังงานสูงขึ้น แต่ปรับลดประมาณการของกลุ่มปิโตรเคมี ประมาณการกำไรรวมของบริษัทพลังงานและปิโตรเคมีภายใต้การวิเคราะห์ของเราถูกปรับขึ้น 21% ในปี 2565 แต่ลดลง 2% ในปี 2566 โดยการปรับเพิ่มประมาณการกำไรของผู้ประกอบการพลังงานหลัก ๆ อย่าง PTTEP PTT และ BANPU และผู้ประกอบการโรงกลั่นทั้งหมด สืบเนื่องจากราคาขายและกำไรจากสต็อกน้ำมันที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การปรับลดประมาณการกำไรลงมากที่สุดคือกลุ่มผู้ประกอบการปิโตรเคมีและกลุ่มพลังงานปลายน้ำอื่น ๆ เนื่องจากแรงกดดันต่ออัตรากำไร

มุมมอง KS
✍️คงมุมมองเป็นกลางต่อกลุ่มพลังงานและมุมมองเชิงลบต่อกลุ่มปิโตรเคมี เราเลือก PTTEP SPRC และ BCP เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มพลังงาน ขณะที่เรามีมุมมองเชิงลบต่อกลุ่มปิโตรเคมี และไม่มีหุ้นเด่นสำหรับกลุ่มนี้ เราตัด PTT และ TOP ออกจากการเป็นหุ้นเด่นของเราเนื่องจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากธุรกิจปิโตรเคมี โรงแยกก๊าซ (GSP) และ S&M ที่อ่อนแอ


Blue Sea