SCGP Demand ยังตาม supply ไม่ทัน

SCGP Demand ยังตาม supply ไม่ทัน

เราได้เข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์ทางโทรศัพท์ใน 3Q23 ของ SCGP เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ผู้บริหารมีแนวทางเชิงบวกเนื่องจากเชื่อว่าอุตสาหกรรมอาจฟื้นตัวได้บ้างใน 4Q23 โดยได้แรงหนุนจากตัวเลขที่ดีขึ้นจากประเทศจีน การนำเข้าตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้น

ในขณะที่ตัวเลขของจีน ซึ่งได้แก่ การส่งออกและยอดค้าปลีกค่อย ๆ ดีขึ้นในเดือนก.ย. บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 1.80 แสนลบ.ในปี 2025 หรือสองเท่าของปี 2020 ในรอบ 5 ปี บริษัทฯ ใช้เงินลงทุนเพียง 5.3 พันลบ. ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา แต่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นใน 4Q23 จากโครงการขยายธุรกิจเดิมของบริษัทฯ และข้อตกลงการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ใหม่ 2 รายการในธุรกิจบรรจุภัณฑ์โพลีเมอร์และเวชภัณฑ์ ผู้บริหารกล่าวว่าขนาดของ M&A ทั้ง 2 รายการนี้จะไม่ใหญ่นัก โดยรวมแล้วเราเชื่อว่ากำไรของ SCGP น่าจะดีขึ้น QoQ ใน 4Q24 จากตารางการบำรุงรักษาที่ลดลงและตามฤดูกาล

การดำเนินงานในอินโดนีเซียยังเป็นปัจจัยเสี่ยงในระยะกลาง SCGP กำลังประสบปัญหาหลักใน Fajar ซึ่งเป็นบริษัทในเครือในอินโดนีเซีย โดยมีผลขาดทุนเพิ่มขึ้นใน 3Q23 จากปริมาณการส่งออกที่ลดลงและ ASP ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง เราเชื่อว่า Fajar จะยังคงขาดทุนต่อไปใน 4Q23 แต่ในจำนวนที่ลดลง เราคาดว่าการฟื้นตัวของจีนน่าจะส่งผลให้การดำเนินงานของ Fajar ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงยังคงอยู่ที่ put/call option ที่ทำให้ SCGP ต้องซื้อหุ้นที่เหลือใน Fajar ซึ่งจะทำให้ดอกเบี้ยจ่ายสูงขึ้น

คงคำแนะนำ “ถือ” ด้วย TP เดิมที่ 35 บาท เราเชื่อว่าอุตสาหกรรมกระดาษบรรจุภัณฑ์จะยังคงมีภาวะอุปทานล้นตลาดในปี 2024