‘อากู๋ ไพบูลย์’ ระบายความอัดอั้น! ‘11 ปี’ วิบากกรรมทีวีดิจิทัล
จากมังกรเร้นกาย เมื่อ กสทช.เดินหน้าประมูลคลื่น 3500 "อากู๋ ไพบูลย์" ต้องออกโรง ปะ ฉะ ดะ คัดค้าน รวมตัวแม่ทัพช่องใหญ่ ระบายความอัดอั้น 11 ปีทีวีดิจิทัลเผชิญวิบากกรรม!

เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อร่างประกาศ กสทช.เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล 850 MHz 1500 MHz 1800 MHz 2100 MHz 2300 MHz และ 26 GHz ครั้งที่ 2
และวันเดียวกัน “บรรดาแม่ทัพทีวีดิจิทัล” ซึ่งนำทัพโดยสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) ตบเท้าเข้าแสดงจุดยืนการนำคลื่น 3500 ไปประมูล พร้อมชี้ผลกระทบที่จะตามมา ซึ่ง “ผู้บริโภคดูทีวี” อาจเจอ “จอดำ” 2 ล้านครัวเรือน หรือราว 10 ล้านคน เป็นตัวประกัน
ประเด็นใหญ่ผลกระทบผู้บริโภคไม่พอ ยังสะเทือนผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลด้วย ทำให้เป็นอีกครั้งที่ “อากู๋ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม” ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ จำกัด(มหาชน) ผู้เป็นมังกรเร้นกายต้องออกโรงใช้สิทธิคัดค้านการประมูลคลื่น 3500 ด้วย และมีวาทกรรมเดือดแสดงความอัดอั้นในใจออกสู่สาธารณะ
“เราเป็นองค์กรอิสระ(ในนามสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล(ประเทศไทย)) เราเดือดร้อน ถ้าจำเป็น คงต้องไปกระบวนการยุติธรรม เราล่มสลาย ก็บีบให้เราต้องทำ ที่ผมพูด ไม่ได้จะก้าวร้าวเลย เพียงแต่มีความเดือดร้อน อยากกราบเรียนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง” ประโยคระบายความในใจจาก “อากู๋ ไพบูลย์”
ตลอด 11 ปี ของการทำทีวีดิจิทัล ภายใต้ใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิทัล(ไลเซนส์) หลังผู้ประกอบการห้ำหั่นประมูลราคากันจนทะลุ 5 หมื่นล้านบาท ได้ทีวีดิจิทัล 25 ช่องประเภทธุรกิจ ทว่า เพียงครึ่งทาง ต้องล้มหายตายจาก “ยุติ” กิจการเหลือ 15 ช่องประเภทธุรกิจในปัจจุบัน
อากู๋ ไพบูลย์ ยังทวงถาม “กสทช.” ถึงความรีบร้อนในการประมูลคลื่น 3500 ด้วยเหตุผลประการใด เพราะฝั่งผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ได้ทำการบ้าน และถามไถ่ฝั่งโทรคมนาคม ก็ไม่ปรากฎว่าต้องการจะรีบประมูลคลื่น 3500 เว้นเสียแต่ “ผิดไปจากนี้”
“เราถามไปยังฝั่งโทรคมนาคม เขาก็ไม่ได้รีบร้อน หรือมีประโยชน์อะไร ประชาชนจะได้รับประโยชน์อะไรจากการประมูลคลื่น 3500 ในขณะนี้เลย”
นอกจากนี้ การประมูลคลื่น กสทช.ควรมีการเตรียมความพร้อม รวมถึงให้ผู้ประกอบการมีความพร้อมที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่อย่างอื่นด้วย
“ถ้าอย่างนั้น ก็เอา(คลื่น3500)ไปใช้เถอะ ไม่ว่าอะไรกัน แต่ในเมื่อไม่มีความจำเป็นอะไรกับโทรคมนาคม หรือประชาชน ก็ควรจะเก็บคลื่น 3500 ไว้ให้วิทยุกระจายเสียงหรือบรอดแคสต์อย่างทีวีดิจิทัลได้ใช้ต่อไป ประชาชนจะได้ดูรายการ ดูทีวีปกติ”
ไม่เพียงดอดไถ่ถามฝั่งโทรคมนาคม ยังมีการขอความเห็นจากเชิงกฎหมาย(Legal Opinion) จากนักกฎหมายระดับชาติอย่าง “ศาสตราจารย์กิตติคุณ วิษณุ เครืองาม” ผู้อ่านและตีความกฎหมายช่วยสร้าง “ความมั่นใจ” ต่อกสทช.ทั้งการต่อสัญญาใบอนุญาตทีวีดิจิทัลที่สอบถาม กสทช.ไปนานยังไม่ได้คำตอบ หรือการประมูลคลื่น ความถี่ ซึ่งเป็น “สมบัติชาติ” ได้รับคำชี้แนะสามารถประมูลได้ (กรณีทีวีดิจิทัลสิ้นสุดใบอนุญาต)ใครจะมาประมูลทำได้ภายใต้เงื่อนไข กสทช.กำหนดขึ้นมา ส่วนผู้สัมปทานเดิม จะให้ต่อใบอนุญาตก็ได้ ขอให้เสมอภาคกัน มีการแข่งขันที่สมบูรณ์
“พวกผม(ทีวีดิจิทัล)ก็มีใบอนุญาตกันอยู่แล้วลงทุนก็เป็นแสนล้านบาทเหมือนกัน ถ้าจะให้เราเป็นธุรกิจหนึ่ง เป็นโทรทัศน์แห่งชาติรับใช้ให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน ก็ต่อสัมปทานออกไป จะให้เราประมูลใหม่ ก็ได้ ขอให้บอกให้รู้เรื่อง อาจารย์วิษณุ ก็มีเอกสาร รับรองชี้แจงในฐานะ Legal Opinion”
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่เพียรถาม กสทช.เมื่อสิ้นสุดใบอนุญาตประกอบการทีวีดิจิทัล ก็ไม่มีคำตอบ จัดเวทีสัมมนา เพื่อหาทางออก ก็เงียบ!
“ผมฝากไว้ ณ ที่นี้ เป็นสาธารณะ คืออยากให้กสทช.ตอบผมที พวกผมถามไป เมื่อหมดสัมปทานใบอนุญาตทีวีดิจิทัลที่ประมูลมา 15 ปี ซึ่งเหลืออีก 4 ปีข้างหน้าจะหมดอายุ จะต่อสัญญาอย่างไร ก็ไม่มีคำตอบ จึงขอทวงถามคำตอบต่อสาธารณะตรงนี้ เผื่อท่าน(กสทช.)จะได้ตอบผมซักทีนึง ควรตอบผมเมื่อไหร่ ให้พวกผมเตรียมตัวว่าจะต้องทำยังไงต่อไป ซึ่งเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของท่าน”
กระทุ้งกี่รอบ กสทช.ก็ไม่ใยดี เมื่อถาม “อากู๋ ไพบูลย์” ต้องการคำตอบเมื่อไหร่ “ผมอยากได้คำตอบเมื่อวาน!”
11 ปีการเปลี่ยนผ่าน “ทีวีอนาล็อก” สู่ “ทีวีดิจิทัล” สิ่งที่ผู้ประกอบการเห็นพ้องกัน แม้กระทั่ง “อากู๋ ไพบูลย์” คือ “ความล้มเหลว” ซ้ำร้ายยังเป็น “วิบากกรรมทีวีดิจิทัล”
“เป็นวิบากกรรมของผม ในฐานะคนทำทีวี ที่มาประมูลดิจิทัลทีวี ปรากฏว่าดิจิทัลทีวีในประเทศไทยไม่เปลี่ยนผ่าน เปลี่ยนผ่านไม่ได้ การประมูลทีวีดิจิทัลครั้งนั้นที่ประมูลกันถึง 5 หมื่นล้านบาท เราเคยถูกตราหน้าว่าเป็นเศรษฐีหน้าโง! แต่ความจริงเราคิดว่า 5 หมื่นล้านบาท แลกกับกล่องรับสัญญาณหรือเซ็ทท็อปบ็อกซ์ที่มีทุกบ้าน 22 ล้านครัวเรือน น่าจะสมเหตุสมผล แต่ปรากฏว่ากล่องก็ดี โครงข่ายหรือมักซ์ก็ดีไม่ถึงประชาชชน ไม่สามารถใช้ได้ พวกเราจึงตาลีตาเหลือกกลับไปใช้ทีวีดาวเทียม(ใช้คลื่น3500)”
อย่างไรก็ตาม ออกโรงถึงขนาดนี้ หากกสทช.เดินหน้าประมูลคลื่น 3500 “อากู๋ ไพบูลย์” ประกาศชัดจะเดินหน้าพึ่งศาลสถิตยุติธรรม
“มาตรการของเราคือต้องพึ่งศาลสถิตยุติธรรม กระบวนการทางกฎหมายแน่นอน เพราะเราอั้นมานาน จ่ายเงินมาแล้วกว่า 3 หมื่นล้านบาท แต่ไม่มีแพลตฟอร์มอะไรเลย กสทช.ต้องตระหนัก เราพึ่งกระบวนการยุติธรรมเพื่อรักษาสิทธิของเรา ไม่ใช่ทำอะไรก็ได้ตามใจ”
เจอวิบากกรรม “ขาดทุน” คนดูทีวีลดลง เจอคู่แข่งแพลตฟอร์มข้ามชาติชิงคนดู(eyeball) “อากู๋ ไพบูลย์” ยังเชื่อมั่นการลงทุนทีวี ทำคอนเทนต์ เนื่องจากมองว่าเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคยังต้องเสพเนื้อหารายการโปรด และปัจจุบันโอกาสหาน่านน้ำใหม่สร้างรายได้คือผนึกพันธมิตรแพลตฟอร์มระดับโลก โอทีที ป้อนคอนเทนต์ให้คนดูทั่วโลก
“ธุรกิจนี้เป็นเรื่องของการสร้างคอนเทนต์ ไม่มีประเทศไหนไม่มีทีวี ไม่มีคอนเทนต์ ไม่มีหนัง ละคน ดนตรี ข่าว สารคดี ฯ สิ่งเหล่านี้ จะถูกดิสรัปอย่างไร อุปกรณ์สื่อสารเสพสื่อเปลี่ยน แต่เนื่อหายังอยู่ เราเองก็ต้องปรับตัว ต่อสู้!”
https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1174737