ชอบผู้รับเหมางานโยธามากกว่างานเสาเข็ม
กลุ่มธุรกิจจะเผชิญกับภาวะสูญญากาศของการสร้าง backlog ใหม่เป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือนจากการรอการเลือกตั้งทั่วไปและการชะลอตัวของโครงการเอกชน
จากงานที่จะออกมาอย่างจำกัด เราชอบผู้รับเหมางานโยธาจาก backlog ที่สามารถรักษาระดับรายได้ไว้ได้ 9-11 ไตรมาส เทียบกับ 4 ไตรมาสของผู้รับเหมาตอกเสาเข็ม
มุมมองเชิงบวกต่อกลุ่ม CK เป็นหุ้นเด่นด้านการขยาย backlog และ STEC เป็นหุ้น laggard เด่นของเรา
อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ นายกฯ ตัดสินใจยุบสภาเมื่อวันที่ 20 มี.ค. โครงการเมกะโปรเจกต์ที่ประกาศออกมาในการประชุม ครม. ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 มี.ค. คือ ทางพิเศษฉลองรัชส่วนต่อขยาย (จตุโชติ - ถนนลำลูกกา) มูลค่าก่อสร้าง 2.3 หมื่นลบ. คาดเปิดประมูล ต.ค. 2566 เริ่มก่อสร้าง ก.ย. 2567 แต่รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีแดง และรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกที่เราคาดว่าจะอนุมัติในการประชุมครั้งนี้ถูกเลื่อนออกไป
จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
เราคาดว่าการอนุมัติโครงการเมกะโปรเจกต์ใหม่มีแนวโน้มที่จะหยุดไว้เป็นเวลา 1-2 ไตรมาสจนกว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 หลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เราคาดว่าการเปิดตัวโครงการขนาดใหญ่ใหม่จะเพิ่มขึ้นเพื่อกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและขับเคลื่อนการเติบโตของ GDP
เราชอบผู้รับเหมางานโยธา
กลุ่มธุรกิจกำลังเผชิญกับการชะลอตัวของการลงทุนในโครงการแนวสูงของภาคเอกชน และช่องว่างเวลาของการเปิดตัวโครงการเมกะโปรเจกต์ใหม่ ที่อยู่ระหว่างการรอการเลือกตั้งทั่วไปและการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่
เราชอบผู้รับเหมางานโยธา (CK, STEC) มากกว่างานเสาเข็ม (SEAFCO, PYLON) เนื่องจากผู้รับเหมางานโยธามีระยะเวลาของ backlog ที่ยาวนานกว่า ความผันผวนของรายได้ที่ต่ำ และความเสี่ยงขาลงต่อกำไรที่ต่ำกว่า ที่ระดับ backlog ในปัจจุบัน CK และ STEC สามารถรักษาระดับรายได้ปัจจุบันไว้ได้เป็นเวลา 9 และ 11 ไตรมาส ในขณะที่ทั้ง SEAFCO และ PYLON สามารถรักษาระดับรายได้ไว้ได้เพียง 4 ไตรมาส
มุมมอง KS
เรายังคงมุมมองเชิงบวกจ่อกลุ่มจาก 1) โครงการเมกะโปรเจกต์ที่มีโอกาสที่จะเข้าประมูลในครึ่งหลังของปี 2566 2) การเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะมีขึ้น 3) ปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่ลดลง และ 4) ราคาวัสดุก่อสร้างลดลง
