ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 142.30 จุด วิตกข่าวทรัมป์จ่อรีดภาษี EU 15-20%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (18 ก.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากตลาดฟื้นตัวจากแรงกดดันระยะสั้นที่เกิดจากรายงานของไฟแนนเชียลไทมส์ ซึ่งระบุว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผลักดันให้มีการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรป (EU) ในอัตราสูง
รายงานของไฟแนนเชียลไทมส์ระบุว่า รัฐบาลทรัมป์กำลังเตรียมเก็บภาษีนำเข้าขั้นต่ำที่ 15% ถึง 20% ในการทำข้อตกลงกับ EU ส่งผลให้ตลาดร่วงลงก่อนฟื้นตัวบางส่วนในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,342.19 จุด ลดลง 142.30 จุด หรือ -0.32%,
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,296.79 จุด ลดลง 0.57 จุด หรือ -0.01%
และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,895.66 จุด เพิ่มขึ้น 10.01 จุด หรือ +0.05%
ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.07% แต่ดัชนี S&P500 บวก 0.59% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 1.5%
ทั้งดัชนี S&P500 และ Nasdaq ทำสถิติสูงสุดใหม่หลายครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่กังวลต่อมาตรการภาษีของทรัมป์ และเชื่อว่านโยบายดังกล่าวอาจไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างที่เคยกังวลกันก่อนหน้านี้
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า นักลงทุนเริ่มเบื่อกับการซื้อขายตามข่าวลือเกี่ยวกับภาษี และหันมารอข้อมูลที่สะท้อนผลจริงของนโยบายผ่านตัวเลขเศรษฐกิจ
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดเป็นไปแบบผสมผสาน ทั้งยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่ง อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาผู้ผลิตเดือนมิ.ย. ทรงตัว และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกนปรับตัวขึ้นในเดือนนี้ แม้ผู้บริโภคยังคงกังวลต่อแรงกดดันด้านราคาในอนาคต
ฤดูกาลรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ เริ่มต้นขึ้นแล้ว ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าภาษีส่งผลกระทบต่อธุรกิจหรือไม่
บริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่อย่าง 3M ร่วง 3.7% หลังระบุว่า ผลกระทบจากภาษีจะเห็นได้ชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ในบรรดาบริษัท 59 แห่งในดัชนี S&P500 ที่ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ไปแล้วนั้น 81.4% ทำกำไรได้เกินคาดตามข้อมูลของ LSEG I/B/E/S โดย Charles Schwab เป็นหนึ่งในบริษัทล่าสุดที่ประกาศผลประกอบการในวันศุกร์ โดยราคาหุ้นพุ่งขึ้น 2.9% หลังรายงานกำไรเพิ่มขึ้น ขณะที่หุ้น Regions Financial พุ่งขึ้น 6.1% หลังปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้จากดอกเบี้ยในปี 2568
แต่การมีกำไรเกินคาดไม่ได้ทำให้หุ้นทุกตัวบวกขึ้น โดยหุ้น American Express ร่วง 2.3% แม้มีกำไรไตรมาส 2 ดีเกินคาด
หุ้น Netflix ร่วง 5.1% แม้ซีรีส์ Squid Game ช่วยให้รายได้สูงกว่าคาดและบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ทั้งปี
นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า แม้หุ้นหลายตัวไม่ได้ปรับตัวขึ้นตามผลประกอบการ แต่ตลาดโดยรวมยังคงขยับขึ้น และอาจปรับขึ้นแรงกว่านี้ หากบริษัทขนาดใหญ่ประกาศผลประกอบการที่โดดเด่น
หุ้นกลุ่มคริปโทเคอร์เรนซีปรับตัวขึ้น หลังสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายวางกรอบกำกับดูแลคริปโทเคอร์เรนซี โดยหุ้น Robinhood Markets และหุ้น Coinbase Global พุ่งขึ้น 4.1% และ 2.2% ตามลำดับ
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคทำผลงานดีที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 1.7% ขณะที่กลุ่มพลังงานร่วง 1% โดยหุ้น SLB ดิ่งลง 3.9% หลังเผยกำไรไตรมาส 2 ลดลงและคาดการณ์แนวโน้มธุรกิจไม่สดใส ขณะที่หุ้น Exxon Mobil ร่วง 3.5% หลังแพ้คดีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเข้าซื้อกิจการ Hess ของ Chevron