โบรกแข่งดุโวลุ่มหด ฉุดกําไรร่วงยกแผง
กำไรโบรกฯร่วงระนาว ผลพวงแข่งขันธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ โวลุ่มซื้อขายชะลอ “เอเซีย พลัส” ชูนโยบายบาลานซ์รายได้-ความเสี่ยง เผยงานในมือ “ไอพีโอ-ที่ปรึกษาฯ” ร่วม44 ดีล
ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซียพลัส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) หรือ ASP กล่าวในงาน Opportunity Day ว่านโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทยังบาลานซ์การสร้างรายได้และกระจายความเสี่ยงใน 4 หน่วยธุรกิจคือธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์, ธุรกิจลงทุนหรืออินเวสต์เมนต์, บริหารสินทรัพย์หรือเวลธ์ แมเนจเมนท์ และด้านวาณิชธนกิจหรือไอบี โดยธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์การแข่งขันสูง บริษัทจึงยังโฟกัสฐานลูกค้าเดิมส่วนธุรกิจไอบีมีงานในมือที่ยกยอดมาจากปีที่แล้ว 46 ดีล และเพิ่มใหม่ในปีนี้ 10 ดีล โดยมี 12 ดีลที่ทำสำเร็จแล้ว ปัจจุบันยังเหลืออยู่ 44 ดีล จำนวนนี้ 28 ดีล เป็นไอพีโอนำหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และภายใน 1-2 เดือนนี้บริษัทจะจัดตั้ง กองทุนสตาร์ต อัพ อิสราเอลเพราะเป็นประเทศที่เป็นศูนย์กลางด้านสตาร์ตอัพ การเข้าไประดมทุนก่อนจะเป็นโอกาส
“ปีนี้เป็นของบริษัทตั้งมาก่อน 10 ปีแล้ว โดยยังคงวางโพสิชันเป็นบริษัทที่มีผลิตภัณฑ์การเงินหลากหลาย เป็นผู้นำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ”ปีที่ธุรกิจหลักทรัพย์ตื่นตัวกับการปรับตัว ขณะที่ ASP ปรับตัวมากว่า 10 ปี จะเห็นว่าธุรกิจเวลธ์ แมเนจเมนท์, ธุรกิจโกลบัล อินเวสต์เมนต์หรือเทรดหุ้นต่างประเทศ
ผลประกอบการไตรมาส 2/2562 บริษัทมีกำไรสุทธิ 67 ล้านบาท ลดลง YoY 45 ล้านบาท หรือ-40.2% และงวดครึ่งแรกปี 2562 มีกำไรสุทธิ 186 ล้านบาท ลดลง YoY 154 ล้านบาทหรือ-45.3% โดยงวดครึ่งแรกปีนี้ บริษัทมีรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 377 ล้านบาท ลดลง YoY 207 ล้านบาท หรือ - 54.9% รายได้ธุรกิจลงทุน 217 ล้านบาท เพิ่มขึ้น YoY 52ล้านบาท หรือเพิ่ม 31.5% รายได้จากธุรกิจบริหารสินทรัพย์ 229 ล้านบาท ลดลง YoY 131 ล้านบาท หรือ -36.4% และจากธุรกิจวาณิชธนกิจ 141 ล้านบาท ลดลง YoY 41 ล้านบาท หรือ -22.5%
โดยส่วนแบ่งตลาดรายได้ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ไตรมาส 2/2562 ลดลงเหลือ 40%จาก 52% YoY เป็นผลจากการแข่งขันตัดราคาค่าคอมมิสชัน และจากมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ลดลง โดยงวดครึ่งแรกปีนี้ มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาดเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่43,402 ล้านบาท ลดลงจาก 57,435 ล้านบาทต่อวันในงวดเดียวกันของปี2561 หรือ YoY -24% ในส่วน ASP อยู่ที่ 1,558 ล้านบาท เทียบ YoY -42% ขณะที่ค่าคอมมิสชันภาพรวมของทั้งตลาดงวดครึ่งแรกปี2562 เฉลี่ยอยู่ที่ 0.0940% ลดลงเทียบครึ่งแรกปี 2561 อยู่ที่0.0979% ส่วน ASP ครึ่งแรกของปี 2562 เฉลี่ยอยู่ที่ 0.1475% เพิ่มขึ้นจากครึ่งแรกปี 2561 ที่อยู่เฉลี่ย 0.1468%
อย่างไรก็ดีจากการประกาศงบไตรมาส 2/2562 และงวดครึ่งแรกของปีนี้เทียบกับปีก่อน YoY กำไรสุทธิกลุ่มธุรกิจหลักทรัพย์ ต่างติดลบ จากปัจจัยที่ธุรกิจนายหน้าซื้อขายมีการแข่งขันรุนแรง การตัดราคาค่าธรรมเนียมการซื้อขายหรือค่าคอมมิชชั่น และมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันชะลอลงต่อเนือง
อาทิ บมจ.บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน (CNS ) มีกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปีนี้ 45 ล้านบาทเพิ่มขึ้น YoY 12.1% แต่งวดครึ่งแรกปี 2562 กำไรสุทธิ 34 ล้านบาท YoY - 67% โดยในงวด 6เดือนแรกปี2562 บริษัทมีรายได้รวม 625 ล้านบาทลดลง 260.63 ล้านบาทจากปี 2561 หรือYoY -29.43 % ปัจจัยหลักมาจากรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์และการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ลดลง 158.82 ล้านบาท YoY -38.05% ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการลดลง 29.80 ล้านบาท YoY-14.0% รายได้จากดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ลดลง 61.12 ล้านบาท YoY -30.21% ด้านกำไรและตอบแทนจากเครื่องทางการเงินลดลง 12.47ล้านบาท YoY -24.36% ส่วนใหญ่เป็นผลจากธุรกรรม Block Trade-Single Stock Future ที่ลดลงตามสภาวะตลาด
ด้านบมจ.หลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET) งวดไตรมาส 2/2562 มีกำไรสุทธิ 6.96 ล้านบาท ลดลง YoY -93.84% ส่วนงวดครึ่งแรกปี 2562 มีกำไรสุทธิ 39.16 ล้านบาท YoY- 85.05% ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากรายได้ค่านายหน้า ลดลงถึง 330.8 ล้านบาท เป็น668.8 ล้านบาทในงวดครึ่งแรกของปีนี้ หรือ YoY -33.1 % เนื่องจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในงวดครึ่งแรกปีนี้ เทียบ YoY -24% และสัดส่วนนักลงทุนบุคคล ซึ่งเป็นส่วนรายได้หลักของบริษัท ลดลงจาก 41.1% เหลือ 34.59% ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของนักลงทุนบุคคล ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทลดลงจาก 26,951 ล้านบาทต่อวัน เป็น 17,170 ล้านบาทต่อวันหรือลดลง 36%
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก