‘สุริยะ’กดปุ่ม ห้ามตั้งเพิ่มรง.เหล็กเส้น
“สุริยะ” แก้ปัญหาเหล็กเส้นล้นตลาด ภายในสัปดาห์นี้จ่อปากกาเตรียมลงนาม ห้ามตั้งห้ามขยายโรงงานผลิตเหล็กเส้นเป็นเวลา 5 ปีนับจากวันประกาศ
สืบเนื่องจากที่ก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องห้ามตั้งหรือขยายโรงงานผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต หรือเหล็กแท่งเล็ก สำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตทุกขนาดทุกท้องที่ในราชอาณาจักร ตาม พ.ร.บ.โรงงานอุตสาหกรรม พ.ศ.2535 เป็นเวลา 5 ปี เพื่อให้ผู้ผลิตปรับตัวและเข้าสู่ภาวะสมดุล จากปัจจุบันที่ผู้ผลิตในประเทศมีกำลังผลิตส่วนเกินสะสมจำนวนมาก โดยครม.ได้เห็นชอบตามร่างประกาศไปแล้ว
ต่อเรื่องนี้แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ แม้ในหลักการครม.อนุมัติแล้ว แต่ยังไม่มีผล จนกว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมจะลงนาม พอดีเป็นช่วงรอยต่อที่เกิดการเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรีประยุทธ์ 2/1 อีกทั้งระหว่างนั้นยังมีการปรับแก้ไขของคณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย เมื่อนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เข้ามานั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงต้องเป็นผู้ลงนามประกาศดังกล่าวเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
“ฐานเศรษฐกิจ”ต่อโทรศัพท์สายตรงถึงนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อขอคำยืนยัน ได้รับคำตอบกลับมาเพียงสั้นๆ ว่า ภายในสัปดาห์นี้จะมีการพิจารณาเรื่องนี้และคาดว่าน่าจะเตรียมลงนามได้ ขอใช้เวลาดูความเรียบร้อยทั้งหมดก่อน
ด้านนายประวิทย์ หอรุ่งเรือง กรรมการสมาคมอุตสาหกรรมเหล็กไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาสมาคมผลักดันให้รัฐบาลพิจารณาปกป้องคุ้มครองผู้ผลิตเหล็กเส้นในประเทศที่มีราว 30-40 ราย และเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ หลังจากที่ภาครัฐเปิดช่องให้มีการลงทุนผลิตเหล็กเส้นมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปัจจุบันผู้ผลิตมีขีดความสามารถในการผลิตรวมกันแล้วราว 9-10 ล้านตันต่อปี แต่มีความต้องการใช้ในตลาดเพียง 3 ล้านตัน ทำให้ยัง มีปริมาณเหล็กล้นตลาดจำนวนมาก และตั้งข้อสังเกตว่าในช่วงรอยต่อที่เปลี่ยนแปลงรัฐบาลอย่างน้อย 4-5 เดือน ทำให้มีโรงเหล็กใหม่เกิดขึ้นส่วนหนึ่ง และยังมีอีกหลายบริษัทที่ยังอยู่ในช่วงรอการอนุมัติและพิจารณาเรื่องEIA
“ผมในแง่ผู้ผลิตเหล็กเส้น เห็นด้วยกับมาตรการห้ามตั้งหรือขยายโรงงานผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต หรือเหล็กแท่งเล็ก สำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตทุกขนาดทุกท้องที่ในราชอาณาจักร เป็นเวลา 5 ปี อย่างน้อยก็ไม่เป็นการซํ้าเติมผู้ผลิตในประเทศที่เวลานี้ผลิตเหล็กเส้นได้เพียง 30% เศษของกำลังผลิตทั้งหมด ทำให้ปริมาณเหล็กเส้นยังล้นตลาดอยู่เป็นจำนวนมาก”
แหล่งข่าวจากวงการเหล็กรายหนึ่งกล่าวเสริมว่า เป็นเรื่องเก่าตั้งแท่นไว้นานแล้ว เพราะตอนนี้ทุนจีนเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานแล้ว ตั้งโรงหลอมเศษเหล็กด้วยระบบ Induction Furnace หรือ IF ที่ใช้เครื่องจักรจากจีนไปเรียบร้อยแล้ว และโรงเหล็กอินดักชัน (induction) รายใหญ่ๆ ใช้ช่องโหว่ขยายโรงงานโดยผ่านขั้นตอน EIA แบบรวดเร็วเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ผู้ประกอบการกลุ่ม 7 สมาคมอุตสาหกรรมเหล็ก ที่ประกอบด้วย สมาคมผู้ผลิตเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี, สมาคมผู้ผลิตท่อโลหะและแปรรูปเหล็กแผ่น, สมาคมผู้ผลิตเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน, สมาคมผู้ผลิตเหล็กทรงยาวด้วยเตาอาร์กไฟฟ้า, สมาคมเหล็กแผ่นรีดเย็นไทย, สมาคมเหล็กแผ่นรีดร้อนไทย และสมาคมโลหะไทย ได้เสนอร่างแผนยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมเหล็กไทย 4.0 ซึ่งเป็นแนว
ทางในการแก้ไขปัญหาอุตสาหกรรมเหล็กทั้งระบบ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งหนึ่งในมาตรการเร่งด่วนระยะสั้น คือการแก้ไขปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินของอุตสาหกรรมเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตและเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ซึ่งเป็นปัญหาที่สะสมมาหลายปี จากปัญหาภายในตัวของอุตสาหกรรมเอง คือ กำลังการผลิตส่วนเกินและอัตราการใช้กำลังผลิตตํ่า ทำให้ผู้ประกอบการต้องประสบภาวะขาดทุน บางรายต้องหยุดการผลิตชั่วคราว หรือบางรายต้องหยุดกิจการเป็นการถาวร
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก