RS เทรดคึก ราคานิวไฮรอบ 5 เดือน แม้ Q4/59 ยังมีแนวโน้มขาดทุน แต่จับตาปีนี้มีลุ้นเทิร์นอะราวด์ หลังธุรกิจบิ้วตี้ยอดขายพุ่งเท่าตัว - เรทติ้งช่อง 8 ฟื้น โบรกฯ คาดพลิกมีกำไรกว่า 200 ล้านบาท เคาะราคาเหมาะสมสูงสุด 10.40 บาท
หุ้นบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS มีความเคลื่อนไหวคึกคักในการซื้อขายวานนี้ พร้อมกับราคาหุ้นที่ปรับขึ้นราว 4.18% โดยปิดที่ 9.55 บาท สูงสุดในรอบ 5 เดือน ขณะที่มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นกว่า 632% จากที่ซื้อขายวันละ 2.3 ล้านหุ้น ขึ้นมาเป็น 15 ล้านหุ้น ตามโปรแกรม F6 ของ eFin Stock Pick Up
RS ประกอบธุรกิจบันเทิงครบวงจร เช่น งานเพลง โชว์บิซ สื่อโทรทัศน์ และสื่อวิทยุ โดยธุรกิจสื่อมีสัดส่วนรายได้มากสุดราว 60% ประกอบไปด้วย สื่อวิทยุ และสื่อโทรทัศน์โดยมี ช่อง 8 ดิจิทัลทีวีเป็นผู้นำ และยังมี 3 ช่องทีวีดาวเทียม ได้แก่ ช่อง 2 , ช่องสบายดีทีวี และช่อง YOU Channel
ล่าสุด RS มีรายได้กลุ่มที่ 4 คือ "ธุรกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามเต็มรูปแบบ" ภายใต้การดำเนินงานของ "บ.ไลฟ์สตาร์ จำกัด" ซึ่งผู้บริหารระบุ อนาคตจะนำเข้าระดมทุนในตลาดหุ้น ปัจจุบันมีสินค้า 8 แบรนด์ ได้แก่ มาจีค ,รีไวว์ , กราวีธัส ,โนเบิลไวท์,ไทม์แคปซูล, สลิคซ์, เคลียร์เอ็กซ์เพิร์ท และเพียร่า โดยอาศัยความได้เปรียบจากการมีพรีเซนเตอร์ และช่องทีวีเป็นของตัวเอง
ผลการดำเนินงานของ RS มีกำไรต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2552-2558 แต่ในปี 59 มีแนวโน้มว่าจะพลิกเป็นขาดทุนสุทธิครั้งแรกในรอบ 8 ปี หลังจากลงสนามทีวีดิจิทัล โดยงวด 9 เดือน มีขาดทุนสุทธิ 39.07 ล้านบาท
สัญญาณหุ้น RS ที่มีแรงเก็งกำไรเข้ามา เป็นผลมาจากคาดการณ์ว่าบริษัทฯ จะเทิร์นอะราวด์ ในปีนี้ หลังจากให้ข้อมูลนักวิเคราะห์ ระบุว่า ช่อง 8 มีเรทติ้งดีขึ้น และปรับผังรูปแบบรายการใหม่ จึงขึ้นอัตราค่าโฆษณาได้ตั้งแต่ต้นปีนี้ และมีผู้จองโฆษณาแล้ว 50% ของเป้ารายได้ ขณะที่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ความงาม รายได้ผ่านช่องทาง Telesale เพิ่มขึ้นจากปกติเกินเท่าตัว ส่งผลให้ปีนี้คาดว่าจะพลิกมีกำไรราว 211 ล้านบาท
บล.เอเซียพลัส ระบุ RS ช่อง 8 สามารถขึ้นอัตราค่าโฆษณาเฉลี่ยจากปีก่อนหน้าราว 35% yoy หลัก ๆ มาจาก รายการกีฬามวยและรายการข่าวที่ขึ้นค่าโฆษณาได้ 100% และ 30% ตามลำดับ ขณะที่รายการละครขยับขึ้นได้บ้าง เพราะฐานราคาเดิมค่อนข้างสูงอยู่แล้ว เป็นผลจากเรตติ้งผู้ชมที่ดีขึ้น และการปรับรูปแบบรายการให้มีความเข้มข้นขึ้น รวมถึงการเพิ่มรายการใหม่ ๆ ที่คาดว่าจะช่วยเพิ่มเร็ตติ้ง อาทิ ซีรีย์ภาพยนตร์อินเดีย สีดาราม ศึกรักมหาลงกา ที่เริ่มออกอากาศวันจันทร์ที่ 23 ม.ค. ขณะที่ช่อง 8 มีผู้จองโฆษณาช่องราว 50% ของเป้ารายได้ ทั้งปีนี้ที่ 1.9 พันล้านบาทแล้ว
ส่วนธุรกิจผลิตภัณฑ์ความงาม มีการเพิ่มกลยุทธ์การขายผ่านช่องทางเทเลเซลมากขึ้น โดยใช้สื่อช่อง 8 และช่อง 2 เพิ่มรายการ Product Placement มากขึ้น รวมถึงเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ และเพิ่มกำลังการให้บริการ Call Center มากขึ้น หนุนให้ยอดขายผ่าน telesales ขึ้นมาอยู่ที่เฉลี่ย 1 ล้านบาทต่อวัน จากช่วงปกติเดิมที่อยู่ที่ 4 แสนบาทต่อวัน และยังขายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด โดยจะทยอยเพิ่มห้างที่จำหน่ายทุกไตรมาส ขณะที่งบการตลาดปีนี้ลดเหลือ 20 ล้านบาท จากปีก่อนที่ 90 ล้านบาท บวกกับเป้ายอดขายปีนี้ค่อนข้างอนุรักษ์นิยมเพียง 437 ล้านบาท จึงมีความเป็นไปได้สูง
นอกจากนี้ กสทช. ได้มีการยกเว้นไม่จัดเก็บค่าธรรมเนียม 2% เข้ากองทุนพัฒนาสื่อฯจนถึงปี 2559 ขณะที่ปี 2560 เริ่มจัดเก็บค่าธรรมเนียมเข้ากองทุนฯอีก 2% นอกเหนือจากค่าธรรมเนียม 2% ให้กสทช. แต่อัตราค่าธรรมเนียมจัดเก็บเป็นขั้นบันไดสูงสุด 2% และในปี 2560 กำลังพิจารณาไม่เรียกเก็บค่า Must Carry Rule สัญญาณดาวเทียม ซึ่ง RS จ่ายปีละ 14 ล้านบาท งวด 4Q59 RS จะการกลับรายการตั้งสำรองค่าธรรมเนียมเข้ากองทุนฯที่ได้บันทึกมาตลอดตั้งแต่แรกราว 89 บาท และจะประหยัดรายจ่ายปี 2560 ราว 20 ล้านบาท ด้วยปัจจัยบวกดังกล่าวข้างต้นทั้งหมด ทำให้ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2560 ราว 26% และทำให้ RS ในปี 2560 พลิกฟื้นกลับมากำไรราว 211 ล้านบาท
เชื่อว่า RS จะเริ่มพลิกกลับมากำไรเล็กน้อยตั้งแต่งวด 1Q60 ซึ่งเป็นช่วง Low Season ขณะ Fair Value ภายใต้ประมาณการใหม่อยู่ที่ 10.40 บาท เพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ”
อย่างไรก็ตามใน Q4/59 นักวิเคราะห์มองตรงกันว่า RS จะมีผลการดำเนินงานขาดทุน แต่จะมากหรือน้อยยังต้องลุ้น เพราะจะมีรายการบันทึกบวกกลับจากการตั้งสำรองค่าธรรมเนียม USO 95 ล้านบาท
บล.ทิสโก้ ระบุยังคงแนะนำ ขาย RS แม้ปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็น 8.00 บาท จาก 7.10 บาท เนื่องจาก
1) เรายังคงคาดผลประกอบการ 4Q16 ขาดทุนหนัก
2) ธุรกิจสื่อโฆษณายังไม่สดใสคาดซึมต่อเนื่องถึง 1Q17
3) ปรับประมาณการขึ้นจากธุรกิจมีเดียมีการขายล่วงหน้าแล้วและธุรกิจบิวตี้ที่เริ่มทำกำไรจากการเปลี่ยนกลยุทธ์การขายและลดต้นทุนการโฆษณา
โดยยังคงประมาณการเดิมในปี 2016F ที่ขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ 239 ล้านบาท โดย แนวโน้ม 4Q16F ขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ 200 ล้านบาท (ยังไม่รวมรายการที่อาจบันทึกบวกกลับจากการตั้งสำรองค่าธรรมเนียม USO 95 ล้านบาท) เนื่องจากรายได้ทีวีที่ลดลงช่วงไว้อาลัย เราคาดรายได้ปี 2017 อยู่ที่ 3,033 ล้านบาท แบบอนุรักษ์นิยมต่ำกว่าประมาณการของบริษัท และปรับประมาณการกำไรปี 2017-18F เพิ่มขึ้นเป็น 111 ล้านบาท และ 273 ล้านบาท จากเดิมคาดกำไรที่ 36 ล้านบาท และ 190 ล้านบาท ตามลำดับ จากธุรกิจทีวีที่มีการขายล่วงหน้าแล้ว 50% ตามราคา CPRP เราคาดไว้ที่ 20,000 บาท ปรับอัตราการเช่าเวลาเพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิม 60% เป็น 65% สำหรับธุรกิจบิวตี้มีการปรับกลยุทธ์การขายทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจนปัจจุบันเริ่มถึงจุดคุ้มทุนแล้วจากเดิมที่ขาดทุนและบริษัทได้ลดค่าใช้จ่ายการตลาดธุรกิจบิวตี้ลงปี 2017 ตั้งงบไว้ที่ 20 ล้านบาท
ขณะที่ บล.บัวหลวงระบุ ธุรกิจความงามน่าจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งหลังจากกลับมาเน้นการขายผ่านทางโทรศัพท์ (ต้นทุนด้านการตลาดต่ำและอัตรากำไรขั้นต้นสูง) เราคาดว่ารายได้จากการขายผ่านทางโทรศัพท์จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2560 เนื่องจาก RS มีแผนที่จะเพิ่มจำนวนพนักงาน call center เป็น 200 คน จาก 40 คน นอกจากนี้บริษัทยังเสริมการโปรโมทผลิตภัณฑ์ในรายการต่างๆของช่อง 8 อีกด้วย ล่าสุดยอดขายธุรกิจเสริมความงามปรับตัว เพิ่มขึ้นจากยอดขายเฉลี่ยที่ 400,000 บาทต่อวันในปี 2559 มาอยู่ที่ 3 ล้านบาทต่อวันในเดือนม.ค. 2560 ให้ราคาเหมาะสม 10.40 บาท
หุ้น RS ถูกจับตาอีกครั้ง จากงบปี 60 ที่น่าจะพลิกกลับมามีกำไรได้ แต่ผลงาน Q4/59 ที่จะประกาศในเร็วๆ นี้ ค่อนข้างแน่นอนว่าจะมีผลขาดทุน ซึ่งอาจกดดันราคาหุ้นได้อยู่