วิเคราะห์กรณี CP ซื้อ Tesco ได้หรือไม่ได้

ใกล้จะได้รู้ผลลัพธ์แล้วสำหรับดีลขนาดใหญ่การเข้าซื้อกิจการค้าปลีกอันดับต้นๆของเมืองไทยอย่าง Tesco Lotus ที่ตกเป็นของซีพี แต่จะสำเร็จหรือไม่นั้น ยังต้องรอลุ้นว่าจะผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) หรือไม่

ทั้งนี้ CP ได้ใช้เงินไปกว่า 10.5 ล้านเหรียญสหรัฐเข้าซื้อกิจการเทสโก้ทั้งไทยและมาเลเซีย โดยมีการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ คือ ซี.พี. รีเทลโฮลดิ้ง ประกอยไปด้วย
CPALL 40%
CP Group 40%
CPF 20%

โดยทั้ง 3 บริษัทรวมเงินกันได้ 7.5 พันล้านเหรียญ และกู้เงินมาอีก 3 พันล้านเหรียญ

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส ได้วิเคราะห์กรณีความเป็นไปได้ของการเข้าซื้อ TESCO ว่าจะเกิดผลกระทบอย่างไรบ้าง สรุปมาให้อ่านกันครับ

----------------------

กรณีที่ 1 : กลุ่ม CP ได้รับอนุญาตให้เข้าซื้อ
1. ผลกระทบกับ CPALL เชื่อว่าราคาหุ้นจะโดนกดดันระยะสั้น จากภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้น - กลาง รวมถึงผลกระทบจาก COVID ที่จะกดดันกำไรและการฟื้นตัวของ TESCO อีกด้วย
มองว่าน่าจะเป็นผลลบในระยะสั้น-กลาง

2. ผลกระทบกับ CPF จะส่งผลบวกอย่างมากต่อ CPF ในระยะยาวจาก

2.1 การเพิ่มช่องทางจัดจำหน่าย โดยปัจจุบัน CPF มียอดขายจาก Tesco ประมาณ 700 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะเพิ่มขึ้นในอนาคต
กรณีนี้เคยเกิดขึ้นแล้วใน MAKRO ที่เคยมียอดขายประมาณ 500 ล้านบาทต่อปี พอมารวมเป็นส่วนหนึ่งของ CPALL ทำให้ยอดขายพุ่งเป็น 1 หมื่นล้านบาทต่อปี

2.2 ต้นทุนลดลง การขนส่งเกิด Synergy

2.3 ตลาด Food Service จะเติบโตดี อีกทั้งการบริหาร Food Court ใน Tesco จะเพิ่มขึ้น

----------------------

กรณีที่ 2 : กลุ่ม CP ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าซื้อ
1. ผลกระทบกับ CPALL จะปลดล๊อคควงามกังวลในการก่อหนี้ของบริษัท ส่งผลบวกต่อราคาหุ้น CPALL แต่ในระยะยาวแล้วจะเป็นผลลบ

2. ผลกระทบกับ CPF จะกระทบกับฐานกำไรเล็กน้อย เพราะ CPF จะไม่สามารถเพิ่ม Synergy กับ Tesco ได้
แต่ CPF ก็จะไม่ต้องแบกรับต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายจากการกู้เงินมาลงทุนใน Tesco

อย่างไรก็ตาม ประเด็นของ CPF ก็จะยังเติบโตได้จากการลงทุนในประเทศจีน และคาดหวังเงินปันผลได้ประมาณ 3-4% ต่อปี อีกด้วย

----------------------

โดยภาพรวมแล้ว ในระยะยาวก็จะดีทั้ง CPALL และ CPF เอง
แต่ในระยะสั้น ถ้าผ่านการเข้าซื้อแล้วจะกดดันต่อหุ้น CPALLที่กังวลว่าจะก่อหนี้เพิ่ม สำหรับ CPF แล้วมองบวก ไม่ว่าจะซื้อสำเร็จ หรือไม่สำเร็จครับ

นี้ก็เป็นภาพที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ ใครที่ถือหุ้นอยู่ก็ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดครับ

ขอบคุณแหล่งข้อมูล
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส