แบงก์อ่วม สำรองเพิ่ม1% รับมือศก.ชะลอ
นายแบงก์ชี้ TFRS9 กระทบความสามารถทำกำไรแบงก์ไทยปี 63 แถมธปท.ออกประกาศ เพิ่มสำรองอีก 1% หวั่นเศรษฐกิจชะลอฉุดสำรองลด ชี้แนวโน้มหนี้เสียยังเพิ่ม กลางปีหน้าแตะ 3% จากไตรมาส 3 ปีนี้รวมมูลค่ากว่า 8.65 แสนบาท
ราชกิจจานุเบกษาลงประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2562 เรื่องการดำรงเงินสำรองขั้นตํ่าของสถาบันการเงินและกลุ่มสถาบันการเงินเพิ่มเติม เพื่อรองรับการกันสำรองเงินตามเครื่องมือทางการเงิน (TFRS 9) ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2563 โดยระบุให้ธนาคารพาณิชย์กันเงินสำรองขั้นตํ่า 1% ของสินทรัพย์และรายการนอกงบดุลที่ไม่ด้อยคุณภาพ เพื่อลดความผันผวนของระดับเงินกองทุนตามสภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากการกำหนดเงินสำรองขั้นตํ่า จะทำให้เงินสำรองไม่ลดลงไปอยู่ในระดับที่ตํ่ามากเกินไปเมื่อเศรษฐกิจเริ่มกลับมาเป็นขาลง โดยมีบทเฉพาะกาลช่วง 3 ปีแรกคือปี 2563 สำรองขั้นตํ่า 0.33% ปี 2564 สำรองขั้นตํ่า 0.67% และทุกงวดบัญชีตั้งแต่ปี 2564 สำรองขั้นตํ่า 1%
นายนริศ สถาผลเดชา ผู้บริหาร TMB Analytics เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ประกาศราชกิจจาฯที่ออกมานั้นเป็นประเด็นใหม่ให้ทุกธนาคารต้องสำรองขั้นตํ่าไม่น้อยกว่า 1% ในทุกสินเชื่อที่ปล่อยออกไป ทำให้แนวโน้มภาระการตั้งสำรองต้องเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว เพราะลูกหนี้กลุ่มแรกที่มีสัญญาณเครดิตไม่ดี และลูกหนี้จัดชั้นที่กล่าวถึงเป็นพิเศษ(SM) ที่ต้องตั้งสำรองฯ เป็น Stage2 ตามมาตรฐานบัญชี TFRS9 ที่เริ่มใช้ปีหน้า ซึ่งแบ่งการจัดชั้นและกันสำรองเปลี่ยนเป็น 3 Stage หรือ 3 ขั้นคือ Stage1 คือกลุ่มที่เครดิตไม่เปลี่ยนแปลงจากวันแรกของการใช้สินเชื่อ Stage2 กลุ่มที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และ Stage 3 กลุ่มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) ซึ่งทั้งกลุ่ม 1 และลูกหนี้ SM จะอยู่ใน Stage2 แม้จะยังเป็นสินเชื่อที่ชำระหนี้ได้ตามปกติ แต่หากมีความเสี่ยงด้านเครดิต ธนาคารเจ้าหนี้ต้องกันสำรองตามอายุสัญญาลูกหนี้
“ตอนนี้ระบบแบงก์ไทย ตั้งกันสำรองต่อสินเชื่อ (Risk Cost) เฉลี่ยที่ 1.2% ถ้าช่วงปีที่พีกจะตั้ง Risk Cost เฉลี่ยถึง 2.5% แต่ถ้าเป็นเฉพาะรายตัวก็จะมาก กว่านี้ โดยจะมีรายใหญ่รายเล็กดึงกันไป ซึ่งแนวโน้มเอ็นพีแอลปีหน้าเป็นวัฏจักรขาขึ้น แม้สิ้นปีนี้จะบริหารจัดการให้เอ็นพีแอลลดตํ่ากว่า 3% แต่จะเห็นเอ็นพีแอล เพิ่มขึ้นทั้งระบบอยู่ในช่วง 3.05-3.1% จากเดือนกันยายนปีนี้ที่เอ็นพีแอลรวมSM 865,250 ล้านบาท ทำให้ภาระตั้งสำรองยังไม่จบ แม้ว่าทุกธนาคารจะสามารถตั้งกันสำรองเพิ่มขึ้น แต่ผลจะกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของธนาคารลดลง”
ด้านนายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทยกล่าวว่า ทุกธนาคารพร้อมรองรับมาตร ฐาน TFRS9 แล้ว เพราะเตรียมรับมือกับเรื่องนี้มา 2-3 ปีแล้ว และมั่นใจจะไม่มีผลกระทบธุรกิจธนาคารรวมทั้งหากเกิดอะไรรุนแรงเกิดขึ้นเกินความคาดหมาย ขณะที่เอ็นพีแอลแต่ละธนาคารได้ตั้งสำรองหนี้เสียรองรับสถานการณ์ดังกล่าวไว้แล้ว
“ทุกคนพร้อมแล้ว เพราะจนป่านนี้ถ้าใครไม่รู้ก็กันสำรองไม่ทัน แบงก์ไทยเตรียมเงินลงทุนมาพอสมควร เราคาดการณ์ว่า สำรองประมาณนี้ระหว่างทางก็จัดการกันไปแต่สมมติว่าเกิดปัญหารุนแรงมากกว่าที่คาดไว้ เราก็ยังมีสำรองส่วนเกินอยู่บ้าง แต่หากน้อยกว่าที่คาดก็จะกลายเป็นส่วนเกิน”
นายฐากร ปิยะพันธ์ ในฐานะประธานชมรมธุรกิจบัตรเครดิตสมาคมธนาคารไทยกล่าวว่า ปีหน้าสัญญาณเอ็นพีแอลยังเพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจไม่ดี เนื่องจากความสามารถในการหารายได้ลดลง ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดลงตามภาวะของเศรษฐกิจ
“จากสัญญาณนี้ เราจึงผ่อนคันเร่งในการทำตลาด พร้อมปรับลดการใช้วงเงิน ซึ่งยอมรับว่า โดนเรื่องกันสำรองมากจาก TFRS9 แต่เตรียมตัวมา 3-4 ปีแล้วและต่อไปจะเปลี่ยนวิธีกันสำรอง”
สอดคล้องกับนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า มาตรฐานการจัดชั้นหนี้เชิงคุณภาพตามTFRS9 ซึ่งต้องสะท้อนภาพรวมของมูลค่าที่เป็นปัจจุบันบนงบดุล เช่น สินเชื่อบ้านต้องบันทึกรายได้โดยถัวเฉลี่ยผลการคำนวณความเสี่ยงตามอายุตั้งแต่วันแรกของการปล่อยสินเชื่อ หรือเอ็นพีแอลนั้น หลังจากนี้จะต้องบันทึกพฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนแปลง แม้ว่าที่ผ่านมาธนาคารได้จัดการเชิงคุณภาพของสินทรัพย์แต่อาจแปรผันตามภาวะของเศรษฐกิจ จากการตรวจและทบทวนสถานะอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของธนาคารได้เร่งความสามารถในการประเมิน เพื่อให้เกิดความเสี่ยงน้อยที่สุดและพยายามบริหารเอ็นพีแอลให้ปรับลดลง
แหล่งข่าวจากธนาคารขนาดใหญ่ระบุว่า การเปลี่ยนนิยามการจัดชั้นหนี้ 2 Stage นั้น แม้ธนาคารจะเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างเพียงพอทุกธนาคารก็ตาม แต่สัญญาณเอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยของเศรษฐกิจในประเทศจะส่งผลต่อสถานะของลูกหนี้ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ เนื่องจากความสามารถในการหารายได้ปรับลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ ดังนั้นธนาคารยังมีภาระการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น แต่จะมากหรือน้อยขึ้นกับการคัดเลือกลูกค้าเข้ามาในพอร์ต
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก