KLINIQ : ผู้บริหารมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโต
แนวทางธุรกิจ ผู้บริหารคาดว่ารายได้จากการผ่าตัดปี 2567 จะอยู่ที่ 300 ลบ. หรือ 10% ของเป้ารายได้ปี 2567 (3 พันลบ.) อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารยอมรับว่าแผนการเปิดสาขาใหม่จำนวน 13 แห่งในช่วงครึ่งปีแรกปี 2567 อาจสร้างแรงกดดันต่ออัตรากำไรในช่วงเวลาเดียวกัน ขณะที่สาขาปัจจุบัน 2 แห่งที่จะถูกปิดปรับปรุงในปี 2567 จะถูกปิดในช่วงปลายเดือนม.ค.2567 1 สาขา และในช่วงปลายปี 2567 อีก 1 สาขา นอกจากนี้ KLINIQ ยังมีแผนที่จะเปิดตัวแบรนด์เพิ่มเติมเพื่อเจาะตลาดใหม่
ธุรกิจศูนย์ศัลยกรรม อัตราการใช้เตียงผ่าตัด เดือน ก.ย. อยู่ที่ 25% ขณะที่อัตราการใช้เฉลี่ยทั้งไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 23% ผู้บริหารมั่นใจว่าศูนย์ศัลยกรรมจะสามารถทำกำไรได้ในไตรมาส 4/2566 นอกจากนี้ การผ่าตัดกระดูกที่จะเปิดให้บริการในปีหน้าจะใช้เทคโนโลยีใหม่ ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าว คนไข้สามารถกลับบ้านได้หลังการผ่าตัด ไม่จำเป็นต้องนอนค้างคืน ซึ่งสามารถทำที่ศูนย์ศัลยกรรมได้ (ไม่มีห้องผู้ป่วยใน หรือ IPD)
การประหยัดต้นทุนในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ผู้บริหารคาดว่าจะเห็นการประหยัดต้นทุนมากขึ้นหรือการประหยัดต่อขนาดที่เพิ่มขึ้นในครึ่งปีแรกปี 2567 KLINIQ กำลังดำเนินการเปลี่ยนแปลงต้นทุนผันแปรบางส่วนให้เป็นต้นทุนคงที่ เช่น ค่าคอมมิชชั่นในบางพื้นที่ ซึ่งผู้บริหารได้เริ่มนำแนวคิดใหม่ดังกล่าวไปปรับใช้ในบางสาขาตั้งแต่ไตรมาส 4/2566
ผู้บริหารมองเห็นการแข่งขันที่ทรงตัว ผู้บริหารมองว่าแบรนด์เครือข่ายอื่นๆ มีการขยายสาขาที่ค่อนข้างจำกัด ซึ่งน้อยกว่าของ KLINIQ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด แม้ว่าจะมีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ที่เป็นคลินิกเดี่ยวหลายแห่ง แต่ก็มีการปิดตัวของคลินิกเดี่ยวที่เปิดมาแล้ว ในอัตราพอๆกัน
M&A แม้ว่าผู้บริหารจะไม่สามารถให้ข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับดีลที่มีการเจรจา แต่ได้ให้แนวทางการควบรวมกิจการ (M&A) ว่าไม่น่าจะเป็นธุรกิจที่คล้ายกันอย่างเครือข่ายคลินิกเสริมความงามอื่น แต่มีแนวโน้มว่าจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจสุขภาพมากกว่า ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ KLINIQ ต้องการขยายตลาดและคาดหวังผลบวกของการผนึกกำลังร่วมกัน
มุมมอง KS
คงคำแนะนำ “ซื้อ” TP ที่ 43.00 บาท เราคาดว่าการขยายสาขาของ KLINIQ จะยังคงได้มีโมเมนตัมรายได้เชิงบวกต่อไปในปี 2567-68 ซึ่งน่าจะเพียงพอที่จะชดเชยอัตรากำไรที่ลดลง และหนุนกำไรให้อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
