PTT ธุรกิจก๊าซมีแนวโน้มปรับดีขึ้น
เราคาดว่าธุรกิจก๊าซของ PTT จะปรับตัวดีขึ้นในปี 2566 เนื่องจากราคาต้นทุนก๊าซมีโอกาสลดลงและความต้องการใช้ก๊าซที่เพิ่มขึ้น เราเชื่อว่าราคาต้นทุนก๊าซจะลดลง YoY จากการนำเข้า spot LNG ที่น้อยลงและปริมาณก๊าซธรรมชาติในประเทศราคาถูกที่เพิ่มขึ้นจากแหล่งเอราวัณ ในขณะเดียวกัน ราคา spot LNG ที่ลดลงจะทำให้มีการเปลี่ยนจากการใช้น้ำมันกลับมาใช้ก๊าซในภาคการผลิตไฟฟ้า
ดังนั้น เราคาดว่าอุปสงค์ก๊าซในประเทศจะฟื้นตัวอย่างมากตั้งแต่ไตรมาส 1/2566 เป็นต้นไป โดยปัจจัยลบจะมาจากอัตราค่าผ่านท่อก๊าซธรรมชาติใหม่ที่ลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อ EBITDA ของ PTT จำนวน 2 พันลบ./ไตรมาส ขณะที่ PTT อยู่ระหว่างการยื่นเรื่องคัดค้านต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (ERC) เรื่องการปรับอัตราค่าผ่านท่อก๊าซดังกล่าว
แม้การแข่งขันจะสูงขึ้นจากผู้มาใหม่ ผู้บริหารมองว่าผลกระทบจากการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดก๊าซในประเทศจากการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซจะมีผลกระทบต่อ PTT ไม่มากนัก ทั้งนื้ อิงตามมติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ผู้ขนส่ง LNG รายใหม่จะได้รับอนุญาตให้นำเข้า LNG เข้ามาใช้ในโรงงานของตนและสามารถนำราคานำเข้ารวมในต้นทุนก๊าซรวมของประเทศได้
ผลการดำเนินงานของบริษัทลูกจะกลับมาสู่ระดับปกติในปี 2566 หากอิงตามแนวทางล่าสุดจากผู้บริหาร PTT เราคิดว่ากำไรของบริษัทลูกจะกลับสู่ภาวะปกติ เนื่องจากปัจจัยการดำเนินงานหลักที่กลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงก่อนโควิด-19 ซึ่งประกอบด้วย ราคาน้ำมัน ค่าการกลั่น หรือ GRM และค่าการตลาดน้ำมันขายปลีก
ธุรกิจ S-curve ใหม่ 6 ธุรกิจอยู่ระหว่างการพัฒนา นอกเหนือจากการลงทุนในโครงการ GSP#7 ใหม่ และการศึกษาความเป็นไปได้สำหรับโครงการ GSP#8 แล้ว การลงทุนส่วนใหญ่ของ PTT จะเน้นไปยัง 6 ธุรกิจใหม่ตามกระแสเมกะเทรนด์โลก
ได้แก่ 1) พลังงานหมุนเวียน 2) ไฮโดรเจน 3 ) ยานยนต์ไฟฟ้า และการกักเก็บพลังงาน (ESS) 4) วิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (เภสัชกรรม เทคโนโลยีทางการแพทย์ และโภชนาการ) 5) โลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐาน และ 6) หุ่นยนต์ AI & ดิจิทัล
มุมมอง KS
คงคำแนะนำ “ซื้อ” จากโอกาสการเพิ่มตัวคูณมูลค้าหุ้นโดยธุรกิจ S-curve ใหม่ และdownside ของราคาหุ้นที่จำกัดในปัจจุบัน (-2SD) แต่ลด TP 6% เป็น 40.2 บาท
