เครดิตภาพ : ประชาชาติธุรกิจ
ก้าวสู่ยุคดิจิทัล ชูธงมุ่งสู่อุตสาหกรรมไบโอเทค หุ่นยนต์ สินเชื่อรากหญ้า เร่งธุรกิจแฟรนไชส์โฉมใหม่ สร้างสตาร์ตอัพ ปั้นเมดิคอลเฮลท์เซ็นเตอร์ "ธนินท์" หนุนผู้บริหารรุ่นใหม่ขึ้นแทนรุ่นเก่า
อาณาจักรธุรกิจหลายแสนล้านบาทเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) ซึ่งครอบคลุมหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็น เกษตร-ค้าปลีก-อสังหาฯ-โทรคมนาคม ทั้งบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ
ก้าวถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ หลังนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ เตรียมผ่องถ่ายอำนาจการบริหารธุรกิจทั้งเครือให้ทายาท นายศุภชัย เจียรวนนท์ กับคนในตระกูลเจียรวนนท์ รับไม้ต่อ
โดยปรับโครงสร้างองค์กรในเครือ ซี.พี.มาระยะหนึ่งแล้ว ล่าสุดการดำเนินการดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว อยู่ระหว่างเตรียมการแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างเป็นทางการ
รายงานข่าวจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2560 ที่ผ่านมา บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ได้ประกาศการจัดโครงสร้างเครือเจริญโภคภัณฑ์ และโครงสร้างการบริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด เป็นการภายใน
เครดิตภาพ : Forbes Thailand
รุกธุรกิจใหม่รับยุคดิจิทัล
รายงานข่าวจากเครือ ซี.พี.เปิดเผยเพิ่มเติมว่า การปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ของเครือ ซี.พี.ในครั้งนี้ นอกจากจะผ่องถ่ายการบริหารให้คนรุ่นใหม่มารับช่วงต่ออย่างเต็มตัวในอนาคต เพื่อให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงแล้ว ในส่วนของการดำเนินธุรกิจก็จะมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดรับกับกระแสโลก
ขณะที่ธุรกิจทั้งเครือก็จะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการพัฒนาและยกระดับการผลิต การแปรรูปผลิตภัณฑ์ก้าวสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ
ทั้งนี้ ธุรกิจในอนาคตที่ ซี.พี. จะเน้นหนักและให้ความสำคัญ อาทิ การผลิตหุ่นยนต์ ไบโอเทค (อาหารเพื่อสุขภาพ) สินเชื่อรากหญ้า และธุรกิจแฟรนไชส์โมเดลใหม่เพื่อสร้างสตาร์ตอัพหรือผู้ประกอบการรายใหม่ โดยใช้จุดแข็งความเป็นผู้นำด้านการเกษตร และโทรคมนาคม
เพื่อมาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและอาชีพ มุ่งนำพาองค์กรธุรกิจทั้งเครือสู่ความยั่งยืน
ส่งไม้ต่อธุรกิจให้กับรุ่นลูก
ของนายธนินท์ เจียรวนนท์ เนื่องจากแต่เดิม นายธนินท์นั่งเก้าอี้ประธานกรรมการ และซีอีโอเครือเจริญโภคภัณฑ์ ทั้งสองตำแหน่ง ขณะที่ในประกาศปรับโครงสร้างล่าสุด ได้ขยับขึ้นมาเป็นประธานอาวุโส แล้วให้ลูกชายคนโต นายสุภกิต เป็นประธานกรรมการ และนายศุภชัย เป็นซีอีโอ
มุ่งซินเนอร์ยี่รักษาสมดุลธุรกิจ
"สำหรับกลุ่มทรูจะต้องปรับเปลี่ยนองค์กรเข้าสู่ยุคของดิจิทัลแพลตฟอร์มและดิจิทัลมีเดียโดยขับเคลื่อนองค์กรจากการเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมสู่ผู้ให้บริการดิจิทัลที่เติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคและภาคธุรกิจให้ได้เช่นถ้าบอกว่ามีสมาร์ทโฮมจะต้องหมายถึงแพลตฟอร์มในการให้บริการลูกค้า ไม่ใช่มีแต่ฮาร์ดแวร์หรืออุปกรณ์ เป็นต้น นี่คือยุคต่อไปของกลุ่มทรูที่จะได้เห็นในอีก 3-5 ปีข้างหน้า"
นายศุภชัยกล่าวว่า ในแง่รายได้ กลุ่มทรูถือเป็นที่สองในธุรกิจโทรคมนาคมอยู่แล้ว หากรวมบริการทั้งหมดที่มี (อันดับหนึ่งคือเอไอเอส) ใหญ่กว่าดีแทคมาหลายปีแล้ว แต่ในธุรกิจโทรศัพท์มือถือมีเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นเบอร์สองด้วยเช่นกัน
ปั้นธุรกิจใหม่เมดิคอลเฮลท์ฯ
นอกจากนี้นายศุภชัยยอมรับว่า ส่วนธุรกิจใหม่ในเครือ ซี.พี. ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดของธุรกิจเมดิคอลเฮลท์เซ็นเตอร์ ที่จะมีการผลิตแพทย์เฉพาะทาง สำหรับการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ (เมดิคอลฮับ)
ขณะที่เมื่อปลายปี 2559 นายศุภชัยได้ให้สัมภาษณ์ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงกรณีที่เครือ ซี.พี. อยู่ระหว่างกำลังศึกษาเรื่องการนำหุ่นยนต์หรือเทคโนโลยีเอไอ (Artificial Intelligence) มารองรับการปรับเปลี่ยนของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในเครือ ซี.พี.
สู่ "แม่น้ำสายดิจิทัล"
นอกจากนี้ เมื่อ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา นายศุภชัยกล่าวในเวทีสัมมนาของสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยว่า ดิจิทัลอีโคโนมีกำลังจะเป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจ ซึ่งไม่เฉพาะไทยแต่ของทั้งโลก คำว่าเทเลคอมในอดีตหมายถึงการสื่อสาร แต่ปัจจุบันคือดิจิทัลอินฟราสตรักเจอร์
บริษัทโทรคมนาคมวางโครงข่ายสายถึงบ้านเปรียบได้กับแม่น้ำ แต่เป็น "แม่น้ำดิจิทัล" เกิดการเชื่อมโยงให้เกิดการถ่ายเทข้อมูลในยุคที่ก้าวเข้าสู่ 4G และไฟเบอร์ ก่อให้เกิดระบบนิเวศใหม่ รูปแบบธุรกิจใหม่ สมาร์ทฟาร์มมิ่งกำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งจะเห็นว่าบริษัทท็อป 5 ที่ประสบความสำเร็จในโลกเป็นธุรกิจดิจิทัลทั้งสิ้น คือ แอปเปิล กูเกิล อเมซอน และเฟซบุ๊ก ซึ่งเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับบริษัทในอดีต
"บริษัทที่พูดถึงล้วนแต่เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเทเลคอมจะต้องขยับจากดาต้าทรานสปอร์ตเทชั่นไปเป็นดิจิทัลโลจิสติกส์ การพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้มีบทบาทสำคัญในระดับภูมิภาค ภาครัฐพูดถึงประเทศไทย 4.0 ซึ่งยุคเหล่านี้ต้องอยู่บนพื้นฐานของ 4 เทคโนโลยี คือ
1.ดิจิทัลเทคโนโลยี
2.ไบโอเทคโนโลยี ซึ่งในไทยมีไบโอฟู้ด และไบโอเมดิคอลที่ดีระดับหนึ่ง
3.เทคโนโลยีโรโบติก และ
4.นาโนเทคโนโลยี"
นายศุภชัยกล่าวและว่าทั้งหมดนี้มีความเชื่อมโยงกันได้ด้วยระบบดิจิทัลและคอมพิวติ้ง ทำให้เกิดกระบวนการในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ การปรับตัวของผู้ประกอบการไทยในการดิจิไทซ์องค์กรจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากเพื่อขับเคลื่อนเข้าสู่ระบบดิจิทัลอีโคโนมี
ผสานความร่วมมือ"ทรู-ซี.พี."
การผสานความร่วมมือเพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจระหว่างกลุ่มทรู กับธุรกิจในเครือ ซี.พี.เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การใช้ช่องทางร้านสะดวกซื้อ "เซเว่นอีเลฟเว่น" เป็นช่องทางขายซิม-เติมเงินมาหลายปี และเป็นช่องทางขายโทรศัพท์มือถือแบรนด์ทรูมูฟ เอช แต่ที่สร้างอีกจุดพลิกผันให้วงการคือ เมื่อ ม.ค. 2559
ที่ทรูมูฟ เอช เปิดให้บริการย้ายค่ายเบอร์เดิม (MNP) ผ่านร้านเซเว่นฯ ซึ่งแหล่งข่าวภายใน กสทช.ระบุว่า เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ยอดขอย้ายค่ายเพิ่มจากหลักพันรายต่อวัน เพิ่มขึ้นเป็น 1-2 หมื่นรายต่อวัน และเพียง 2 เดือน ยอดรวมขอ MNP มาอยู่ที่ 1.5 แสนราย
ขณะที่อีกบริษัทในเครือ ซี.พี. ที่นายศุภชัยนั่งเป็นประธานกรรมการ อย่างบริษัท แอสเซนด์ กรุ๊ป จำกัด ก็มุ่งแสวงหาพันธมิตรเพื่อผสานความร่วมมือทางธุรกิจเช่นกัน โดยเมื่อต้นเดือน พ.ย. 2559
ได้มีการประกาศความร่วมมือกับบริษัท แอนท์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส กรุ๊ป ผู้ให้บริการทางการเงินดิจิทัล ในเครืออาลีบาบา กรุ๊ป ด้วยการเข้าร่วมลงทุน 20% ในบริษัท แอสเซนด์ มันนี่ ซึ่งครั้งนั้นมี นายแจ็ก หม่า ประธานอาลีบาบา กรุ๊ป และนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นสักขีพยานในการลงนาม
แม้นายศุภชัยจะกล่าวว่า ความร่วมมือนี้จะมีการขยายความร่วมมือกับอาลีบาบา ไปยังธุรกิจอื่น ๆ ในเครือ ซี.พี.หรือไม่ คงยังไม่สามารถบอกได้
ความท้าทายลบภาพผูกขาด?
สำหรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นภายหลังการแต่งตั้งให้นายศุภชัยดำรงตำแหน่ง CEO หรือประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (C.P.) นั้น คงต้องจับตาดูคณะผู้บริหาร บริษัทต่าง ๆ ในเครือ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้บริหารที่ถูกคัดสรรมาจาก นายธนินท์ ว่าจะส่งต่อการบริหารให้กับคนรุ่นใหม่อย่าง นายศุภชัย อย่างไร เนื่องจากคณะผู้บริหารเหล่านี้เสียสละ สร้างความรุ่งเรืองให้กับเครือเจริญโภคภัณฑ์มาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน แต่โลกธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปมาก
ยกตัวอย่าง ความรับผิดชอบต่อสังคมจากการดำเนินธุรกิจ ซึ่งในระยะหลังเครือเจริญโภคภัณฑ์ตกเป็นเป้า โดยเฉพาะการถูกมองในลักษณะทำธุรกิจผูกขาด ส่งผลกระทบภาพลักษณ์ของบริษัท
ศุภชัย เจียรวนนท์ "ความเข้มแข็งของ ซี.พี. อยู่บนธุรกิจเกษตรและอาหาร"
"เครือเจริญโภคภัณฑ์นั้น ความเข้มแข็งจะอยู่บนธุรกิจด้านเกษตรและอาหาร ฉะนั้นแน่นอนว่าธุรกิจเกษตรและอาหารจะเป็นจุดแข็งที่เราใช้ขยายธุรกิจต่อเนื่อง และสร้างโอกาส ซึ่งแนวโน้มบนฐานของเอเชียจะสามารถเป็นผู้เล่นระดับโลกได้
ทั้งนี้ ธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ในด้านเกษตรและอาหารนั้นถือว่าเป็นผู้เล่นระดับโลกแล้ว ส่วนธุรกิจค้าปลีกก็เป็นอีกจุดแข็งของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งก็ต้องมีการเติบโตและขยายต่อเนื่อง
ธุรกิจด้านโทรคมนาคมมีการตั้งเป้าหมายว่า "ขนาด" เป็นเรื่องใหญ่ เราต้องเป็นผู้เล่นในระดับภูมิภาคให้ได้ นอกจากนี้ ในกรณีของ Digital Media ก็มีการตั้งเป้าหมายว่า เราควรจะต้องมีส่วนแบ่งในตลาดโลก หรืออย่างน้อยเข้ามาใช้บริการ
เครดิตภาพ : mmthailand
ในอนาคตการมอง 10 ปีข้างหน้า?
เราจะขยายและเติบโตไปกับภูมิภาค แต่ต้องคิดถึงกรณีทางถอย ต้องคิดถึงกรณีที่เป็นวิกฤตเผื่อไว้ด้วย ฉะนั้น ในการขยายธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่ผ่านมาได้พยายามให้ธุรกิจที่เติบโตในสาขาใหม่หรือในต่างประเทศ เป็นธุรกิจที่ยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง ไม่ให้มีปัญหากระทบมาถึงธุรกิจหลัก นี่คือนโยบายหลักของเครือเจริญโภคภัณฑ์ในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในอีก 10 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ยังเชื่อมั่นว่าธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์คงไม่เป็นแค่ความเติบโตของเครือเจริญโภคภัณฑ์เท่านั้นแต่คงได้ช่วยสร้าง Platform และพื้นฐานหลายอย่างในทั้งระบบเศรษฐกิจในประเทศ และในประเทศที่ไปลงทุน ตามหลัก 3 ประโยชน์ ของท่านประธานธนินท์ คือ ประโยชน์ต่อประเทศนั้น ประโยชน์ต่อประชาชนในประเทศนั้น และประโยชน์ต่อบริษัทมาเป็นสุดท้าย ปรัชญานี้เป็นหลักยึดเพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ
หมายเหตุ - สรุปจาก "มังกรธุรกิจรุ่นใหม่"โดยศุภชัย เจียรวนนท์ใน "CP e-News"
ขอบคุณแหล่งข่าว : ประชาชาติธุรกิจ