สาหัส! ถือ PTG มา 6 เดือน ติดลบกว่า 41%
เคราะห์ซ้ำนักวิเคราะห์ แนะนำ “ขาย”
ชี้ ยังมีความเสี่ยงกับนโยบายรัฐบาล

.
หากพูดถึงผู้ประกอบการที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันในตลาดหุ้นไทย นักลงทุนหลายคนก็จะทราบกันว่าจะมีหลากหลายบริษัทที่ประกอบธุรกิจกันตั้งแต่ต้นน้ำมายันปลายน้ำ แต่ที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้ก็คือธุรกิจปลายน้ำ
.
โดยแน่นอนว่า บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ก็ถือเป็นบริษัทจำหน่ายน้ำมันแบบค้าปลีกผ่านสถานีให้บริการน้ำมัน PT แต่อย่างที่ใครหลายได้ติดตามข่าวสารจะทราบกันดีว่า ภายใต้ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น และมาตรการเร่งด่วนของรัฐบาลที่จะควบคุมราคาน้ำมันค้าปลีก ก็เป็นเหมือนปัจจัยกดดดันต่อค่าการตลาด
.
ทั้งนี้ จากการสำรวจข้อมูลความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น PTG ทาง Wealthy Thai พบว่าในช่วง 6 เดือนย้อนหลัง (ณ วันที่ 10 พ.ค.66 ถึง 9 พ.ย.66) มีการปรับตัวลดลงกว่า 41.01% ลงมาอยู่ที่ระดับราคา 8.20 บาท ซึ่งสำหรับนักลงทุนก็ย่อมตั้งคำถามขึ้นว่า เป็นจังหวะและโอกาสให้ลงทุนได้หรือไม่ ทางเราจึงได้หยิบมุมมองจากนักวิเคราะห์มาให้ชมกัน
.
โดยบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ได้ให้คำแนะนำ “ขาย” ราคาเป้าหมายที่ 7.20 บาท เชื่อว่าตลาดยังไม่ได้คำนึงถึงปัจจัยลบที่อาจเกิดขึ้นอย่างเพียงพอและเตือนว่ากำไรไตรมาส 3/66 อาจทำให้ผิดหวัง
.
พร้อมกันนี้ ยังมีความเสี่ยงที่มากขึ้นทั้งจากการดำเนินการตามนโยบายที่เป็นอันตรายโดยรัฐบาลไทยใหม่และสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เปราะบางเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง สาเหตุหลักมาจากการที่บริษัทพึ่งพาปริมาณน้ำมันดีเซลที่สูงขึ้น (75% เทียบกับ 10-59% ในกลุ่มบริษัทคู่แข่งในช่วง 6 เดือนแรกปี 66)
.
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลสูงสุดในเดือนกันยายน โดยใช้ภาษีและกลไกของกองทุนน้ำมัน แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อ PTG ในทันที แต่ก็อาจจำกัดความสามารถของบริษัทในการขึ้นราคาเมื่อราคาน้ำมันสูงขึ้น ความยืดหยุ่นดังกล่าวอาจลดลงอีกตามมาตรฐานยูโร 5 และการเปลี่ยนแปลงขั้นสุดท้ายของราคามาตรฐานหน้าโรงกลั่น
.
ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้เพิ่มขึ้นที่ผู้บริหารอาจต้องลดเป้าหมายในการขยายเครือข่ายในปี 2566 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่ไม่ใช่น้ำมัน โดย PTG สามารถเปิดร้านกาแฟพันธุ์ไทยใหม่ได้เพียง 245 สาขา ณ เดือนกันยายน ซึ่งยังต่ำกว่าเป้าหมายสิ้นปีที่ 689 แห่ง
.
โดยเป้าหมายดังกล่าวดูทะเยอทะยานเมื่อเทียบกับ Cafe Amazon ของ OR ซึ่งเพิ่มสาขาใหม่สูงสุด 463 แห่งต่อปีระหว่างปี 2561-2565 โดย OR มีเครือข่ายแฟรนไชส์ที่ใหญ่กว่าเมื่อเทียบกับ PTG ซึ่งจริงๆ แล้วน่าจะช่วยให้ OR ขยายเครือข่ายร้านกาแฟได้มีประสิทธิภาพมากกว่าด้วยซ้ำ ในส่วนธุรกิจน้ำมัน PTG ตั้งเป้าจัดตั้งสถานีบริการน้ำมันใหม่ 57 แห่งในปีนี้ แต่ในช่วง 9 เดือนปี 66 กลับมีเพียง 27 สถานีเท่านั้น
.
ฟากบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ให้คำแนะนำ Trading Buy แต่ปรับลดราคาเป้าหมายมาอยู่ที่ 10 บาท เนื่องจาก PTG ยังมีปัจจัยที่ไม่แน่นอน อย่างนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและนโยบายรัฐบาลที่พยายามควบคุมค่าการตลาด ทำให้ยัง wait and see จนกว่าสถานการณ์ค่าการตลาดน้ำมันมีสัญญาณดีขึ้น ถึงจะเป็นจังหวะสะสม
.
สำหรับแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4/66 ถึงแม้ดีขึ้น จากช่วงเดียวกันและไตรมาสก่อนหน้า แต่ไม่ถึงกับสูงเมื่อเทียบในอดีต โดยแรงกดดันจากค่าการตลาดที่จะยังต่ำปกติ น่าจะยังเกิดขึ้นในไตรมาส 4/66 ถึงปี 2567 จากนโยบายคุมราคาน้ำมันทั้งดีเซลและเบนซิน (บางประเภท) ซึ่งอาจกดดันค่าการตลาดน้ำมันอยู่บ้าง
.
ทั้งนี้ เราจึงปรับลดกำไรสุทธิ 2566-2567 ลง 14-20% มาที่ 810 ล้านบาท (ลดลงจากปีก่อนหน้า 12% ) และ 1,140 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 40%) ตามลำดับ โดยรวมยังเป็นกำไรที่ต่ำกว่าในอดีต
