ห้องเม่าปีกเหล็ก

MEGA แนวโน้มการเติบโตแข็งแกร่งขึ้น

โดย คริสตัล
เผยแพร่ :
45 views

MEGA แนวโน้มการเติบโตแข็งแกร่งขึ้น

MEGA รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 494 ลบ. หากไม่รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน กำไรปกติอยู่ที่ 613 ลบ. ลดลง 5.6% YoY จากค่าใช้จ่ายภาษีที่สูงขึ้น แต่เพิ่มขึ้น 31.7% QoQ ตามการฟื้นตัวของยอดขายของธุรกิจ Maxxcare และต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ 9.9% กำไรปกติช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 คิดเป็น 70% ของประมาณการทั้งปีของเรา

 

ประเด็นสำคัญ

เราเข้าร่วมงาน Opportunity Day ของ MEGA เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. และกลับมาด้วยมุมมองที่เป็นบวก

ประการแรก ผู้บริหารได้เน้นแผน 5 ปีในการเพิ่มรายได้และกำไรเป็น 2 เท่าภายในปี 2573 ในขณะเดียวกัน แบรนด์ Mega We Care คาดว่าจะเติบโต 8%-12% ในปี 2569 โดยได้รับแรงหนุนจาก

1) การลงทุนด้านกำลังการผลิตเพื่อเป็นผู้ผลิตในประเทศ

2) การพัฒนายาใหม่

3) การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ Mega We Care

ประการที่สอง เมียนมามีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน โดยได้รับแรงหนุนจากการอนุมัติใบอนุญาตนำเข้าที่ปรับดีขึ้นจากรัฐบาลท่ามกลางความต้องการของตลาดที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ประการที่สาม MEGA ได้รับอนุมัติให้ก่อสร้างโรงงานใหม่ในเมียนมาและเวียดนามแล้ว โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2572 และประการสุดท้าย ผู้บริหารคาดว่าจะสามารถรักษาอัตราการจ่ายเงินปันผลไว้ที่ 60%

 

มุมมองของเรา

เราคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อ MEGA เนื่องจากผู้บริหารเน้นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจผลิตภัณฑ์แบรนด์หลักและแนวโน้มการจัดจำหน่ายที่มั่นคง นอกจากนี้ การขยายกำลังการผลิตและการเข้าสู่ตลาดอย่างเฉพาะเจาะจงยังช่วยเสริมแนวโน้มการเติบโตในระยะยาว โดยรวมแล้ว เรายังคงมั่นใจว่า MEGA อยู่ในสถานะที่มั่นคงสำหรับการเติบโตของกำไร โดยมีโครงสร้างผลิตภัณฑ์ที่ยืดหยุ่น สำหรับไตรมาส 4/2568 เราคาดว่ากำไรจะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากความต้องการที่แข็งแกร่งของแบรนด์ Mega We Care ประกอบกับการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจ Maxxcare ในเมียนมา หลังการอนุมัติใบอนุญาตนำเข้ายาที่เพิ่มขึ้น

ปรับประมาณการกำไร

เราปรับสมมติฐานกำไรและปรับประมาณการกำไรปกติปี 2568-70 ขึ้น 1.5% 2.2% และ 3.1% หนุนโดยสมมติฐานรายได้จากธุรกิจ Maxxcare ที่ถูกปรับขึ้น 7.2% 12.7% และ 16.2% เพื่อสะท้อนการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งกว่าคาด ขณะเดียวกัน เราได้ปรับลดสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) รวมลงเหลือ 49.4% 49.5% และ 49.7% เพื่อสะท้อนสัดส่วนของธุรกิจ Maxxcare ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรต่ำกว่า นอกจากนี้ เรายังปรับลดประมาณการอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ต่อรายได้ลงเป็น 30.2% 29.8% และ 29.6% และปรับลดสมมติฐานผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ลงเป็น 360 ลบ. เพื่อสะท้อนผลขาดทุนที่ต่ำกว่าคาดในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568

มุมมอง KS

แนะนำ “ซื้อ” และ TP ที่ 37.50 บาท ปัจจัยหนุนตัวคูณมูลค่าหุ้นที่สำคัญ ได้แก่

1) การเติบโตที่แข็งแกร่งและมั่นคงของธุรกิจ Mega We Care

2) การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในเมียนมาและการรักษาเสถียรภาพของธุรกิจ Maxxcare

3) GPM ที่ขยายตัวจากการหันไปเน้นสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง

ราคาหุ้นปรับตัวลง 0.7% YTD เทียบกับ SET ที่ลดลง 9% โดย ณ ปัจจุบัน หุ้นซื้อขายด้วย PER ปี 2568 ที่ 14.9 เท่า หรือ 0.5SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต เทียบกับประมาณการอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ของกำไรปกติในช่วง 3 ปี (ปี 2568-71) ของเราที่ 7.8%

 


คริสตัล