สรุปงบหุ้น กลุ่มนิคมฯ ปี 66
PIN โชว์กำไรเติบโตเด่นสุด!

.
หุ้นนิคมอุตสาหกรรมเป็นหนึ่งในกลุ่มที่โดดเด่นและได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก จากแนวโน้มการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ ทำให้ยอดขายที่ดินของผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมเติบโตต่อเนื่อง ดังนั้น Wealthy Thai จึงได้สรุปผลประกอบการปี 2566 ของหุ้นในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม 4 ตัว ได้แก่ WHA, AMATA, ROJNA และ PIN รวมถึงสำรวจทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2567 มาฝากนักลงทุน
.
นักวิเคราะห์จากบริษัท หลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า กําไรหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่ประกาศออกมาแล้วดีกว่าคาดทั้ง WHA, AMATA และ ROJNA ทําให้มี Upside ต่อตัวเลขประมาณการ และเป็นการยํ้าภาพความต้องการที่ดินที่แข็งแกร่ง ตามทิศทางการย้ายฐานผลิตออกจากจีนไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง ไทย เวียดนาม ส่งผลให้บริษัทสามารถปรับราคาขายที่ดินเพิ่มได้
.
โดย WHA มีการปรับราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 10-15% ในปี 2566 และปรับเพิ่มขึ้นอีก 5% เมื่อเดือนม.ค. 2567 ที่ผ่านมาขณะที่ AMATA ได้แรงหนุนจากมูลค่า backlog ที่สูงระดับ 1.4 หมื่นล้านบาท คาดหนุนกําไรปีนี้โตกว่า 40% สําหรับราคาหุ้นปรับลดลงมาอยู่ในโซนล่างมูลค่า “ไม่แพง” จึงมองเป็นโอกาส “ซื้อสะสม” WHA, AMATA และ ROJNA
.
สำหรับภาพรวมผลประกอบการปี 2566 ของ WHA หรือ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีกำไรสุทธิ 4,425.7 ล้านบาท เติบโต 9.4% จากปีก่อน โดยมียอดขายที่ดินรวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวม 2,767 ไร่ แบ่งเป็น ประเทศไทย 1,986 ไร่ และเวียดนาม 781 ไร่ และยอด MOU รวม 524 ไร่
.
ส่วนแนวโน้มปี 2567 นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า WHA ตั้งเป้ายอด Presales ปี 2567 แบบระมัดระวังที่ 2,275 ไร่ (ไทย 1,650 ไร่ และ เวียดนาม 625 ไร่) ลดลง 18% จากปีก่อน จากฐานสูงอย่างไรก็ดีเราคงประมาณการกำไรปีนี้แบบอนุรักษ์นิยมที่ 4,255 ล้านบาท โต 7.4% จากปีก่อน จากอัตรากำไรดีขึ้นหลังเริ่มโอนที่ดินที่ปรับราคาขายขึ้น, Backlog สิ้นไตรมาส 4/66 คาดจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ราว 1,100 ไร่, รายได้ธุรกิจสาธารณูปโภคคาดเติบโตตามลูกค้านิคมที่เพิ่มขึ้น คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 5.80 บาท
.
ขณะที่ AMATA หรือ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) มีกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 2,461 ล้านบาท ลดลง 22.19% จากปีก่อน จากค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้น และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงยังกำไรจากการจําหน่ายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในเวียดนามลดลง ซึงถ้าไม่นับรวมรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนดังกล่าว ในปี 2566 บริษัทจะมีกําไรสุทธิเพิ่มขึ้น 22.7% จากปี 2565
.
ทั้งนี้ ในปี 2566 บริษัทมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 4,804 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.75% จากปีก่อน ซึ่งมาจากการโอนที่ดินทั้งสิ้น 787 ไร่ แบ่งเป็น ไทย 414 ไร่ และเวียดนาม 373 ไร่
.
ส่วนทิศทางปี 2567 นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดกำไรจะอยู่ที่ 2,009 ล้านบาท โต 1.2% จากปีก่อน หนุนจากยอด Backlog สิ้นปี 2566 ที่หนาแน่น ปัจจุบันอยู่ที่ มูลค่ากว่า 14,000 ล้านบาท และอุปสงค์ที่ดินยังคงแข็งแกร่ง โดยมี Upside เพิ่มเติมหากการการโอนที่ดิน ทำได้ดีกว่าสมมติฐานที่เราประเมินแบบอนุรักษ์นิยม คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 29.40 บาท
.
ลำดับถัดมา ROJNA หรือ บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) มีกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 980 ล้านบาท ลดลง 14% จากปีก่อน โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ROJNA มียอดขายที่ดิน 2,110 ไร่ (สูงสุดตั้งแต่ปี 2556) และยอดโอน 1,369 ไร่ (สูงสุดตั้งแต่ปี 2558) ที่นิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชลบุรี ปราจีนบุรี และ ระยอง
.
ขณะที่ทิศทางในปี 2567 ฝ่ายวิเคราะห์คาด Backlog สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,618 ไร่ ณ สิ้นปี 2566 ซึ่งจะรับรู้รายได้ในสองปีนี้ อัตรากำไรขั้นต้นคาดจะดีขึ้นเนื่องจาก backlog เป็นลูกค้ารายย่อยหลายราย บริษัทได้โอนที่ดินแปลงให้ Horizon Plus ในไตรมาส 1/66 โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยเพียง 40.6% กำไรโรงไฟฟ้าคาดสูงขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไรปีนี้ที่ 1,404 ล้านบาท โต 43% จากปีก่อน คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 7.3 บาท
.
ปิดท้ายกันที่ PIN หรือ บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) ที่ในปี 2566 ทำผลงานได้น่าประทบ โดยมีกำไรสุทธิ 1,355 ล้านบาท เติบโต 317% จากปีก่อน ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการเติบโตของรายได้อสังหาริมทรัพย์เป็นหลักและการรับรู้รายได้รายการพิเศษจากการขายโรงงานเช่า รวมถึงต้นทุนทางการเงินที่ลดลงหลังชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน
.
ทั้งนี้ในปี 2566 บริษัทมียอดโอนที่ดินทั้งสิ้น 584.0 ไร่ ยอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) 108.0 ไร่ และยอดจอง (Pre-sale) 334.0 ไร่ ที่รอรับรู้รายได้ภายในปี 2567 ส่วนของทิศทางการเติบโตปี 2567 ยังไม่มีนักวิเคราะห์จัดทำประมาณการ
