ย้อนรอยราคาไอพีโอหุ้นเครือ PTT ปังหรือไม่มาดูกัน !!
ประกาศราคาสุดท้ายกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับราคาหุ้นไอพีโอของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) OR โดยช่วงราคาสุดท้ายที่เคาะคือ 18 บาทหุ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้กำหนดกรอบราคาไว้ที่ 16-18 บาท ให้นักลงทุนรายย่อยได้เสียวเล่นๆว่าจะได้หุ้นในราคาที่ 16 บาท แต่บทสรุปสุดท้ายก็กล่าวอ้างว่ามีความต้องการจากการทำ (book building) ของกองทุนขาใหญ่
เอาเป็นว่าต่อจากนี้นักลงทุนรายย่อยที่จองหุ้นกันไปไม่มากก็น้อย คงจะต้องรอสรุปผลกระกระจายการจัดสรรว่าจะได้ไปคนละน้อยนิดหยิบมือหรือมากโขขนาดไหน โดยจะประกาศผลที่ https://www.settrade.com/ นักลงทุนสามารถติดตามผลได้วันที่ 6ก.พ.64 ที่จะถึงนี้
ขอย้อนกลับมาที่เรื่องของราคาหุ้นไอพีโอที่เป็นเรื่องหลักที่เราจะมาคุยกันในวันนี้ คือ นักลงทุนหลายท่านก็อาจจะพอทราบ หรือบางท่านก็คงจะไม่สามารถว่าราคาหุ้นไอพีโอของกลุ่มบริษัทเครือ PTT ทั้งบริษัทแม่ บริษัทลูก หรือบริษัทหลานนั้นมีมูลค่าอยู่ที่เท่าไหร่กันบ้าง Wealthy Thai จะพาไปดู
PTT
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เป็นบริษัทด้านพลังงานของไทยที่แปรรูปมาจาก การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ซึ่งมาจากการรวมกิจการพลังงานของรัฐทั้ง 2 องค์กร คือองค์การเชื้อเพลิงและองค์การก๊าซธรรมชาติแห่งประเทศไทย โดยเริ่มแปรรูปเป็นบริษัทจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2544 และจากนั้น เริ่มซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2544
โดยมีราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอที่ 35 บาทต่อหุ้น และมีราคาพาร์อยู่ที่ 10 บาทต่อหุ้น PTT เป็นหุ้นที่ได้รับผลกระทบทั้งกระแสต่อต้านและกระแสสนับสนุน เมื่อเข้าซื้อขายวันแรกราคาหุ้นลดต่ำกว่าราคาจอง จากนั้นใช้เวลาไม่นานขยับเพิ่มขึ้นไประดับเหนือจอง และราคาหุ้นเคยไปแตะที่ระดับ 600 บาทต่อหุ้น ด้วยปัจจัยราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีดีมานด์ จากนั้นบอร์ดก็อนุมัติตามเสียงเรียกร้องให้แตกพาร์จาก 10 บาทเหลือ 1 บาทเพื่อให้นักลงทุนรายเล็กๆได้มีส่วนได้เสียในบริษัทน้ำมันแห่งชาติ
TOP
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ไทยออยล์เป็นผู้ประกอบธุรกิจการกลั่นและจำหน่ายนํ้ามันปิโตรเลียมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 04 โดยมีธุรกิจหลักคือ การกลั่นนํ้ามันปิโตรเลียม ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 275,000 บาร์เรลต่อวัน TOP ถือเป็นธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ที่คอยส่งเสริมและผลิตดอกผลให้กับแม่อย่าง PTT โดยเฉพาะในฝั่งขาโรงกลั่น
TOP เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2547 ด้วยราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอที่ 32 บาทต่อหุ้น ที่ราคาพาร์ 10 บาทต่อหุ้น การเข้าตลาดหลักทรัพย์ของ TOP เป็นไปอย่างราบรื่นราคาหุ้นเทรดช่วงแรกทยอยปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งตลอดในช่วง 4 ปีแรกราคาเหนือจองมาตลอด จากนั้นไม่นานราคาหุ้นปรับลดลงต่ำกว่าราคาจองในช่วงหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามแค่เพียงไม่นานหุ้นก็สามารถกลับมาเหนือจองจากนั้นก็ทำราคาสูงสุดได้ที่ระดับ 110 บาทต่อหุ้น และยังไม่เคยแตกพาร์จาก 10 บาท
GPSC
บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ขนานนามตัวเองว่าเป็นแกนนำในการดำเนินธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่ม ปตท. การเติบโตของ GPSC จะเติบโตตามกลุ่มธุรกิจพี่ๆในเครือ ด้วยการที่บริษัทกลุ่ม PTT ขยายไปตรงไหนทาง GPSC ก็ตามไปด้วย
อย่างไรก็ตามการมาของหุ้น GPSC เป็นที่ใครหลายคนชอบและก็ไม่ชอบ จึงทำให้ราคาหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในวันที่ 18 พ.ค. 2558 ราคาต่ำจองซื้อไอพีโอที่ 27 บาทต่อหุ้น ในราคาพาร์ 10 บาทต่อหุ้น ราคาหุ้นไหลลงต่อเนื่องและเคยลงไปต่ำสุดที่ 19.69 บาทต่อหุ้น ใช้เวลานานเป็นปีกว่าราคาหุ้นจะสามารถยืนเหนือราคาจองซื้อได้ และทำให้ในทุกวันนี้ราคาหุ้น GPSC ติดลมบนไปเรียบร้อยแล้ว
PTTEP
บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เป็นอีกหนึ่งพี่ใหญ่ที่เสมือนเป็นลูกชายคนโตของ PTT เพราะในช่วงอดีต หรือปัจจุบันที่ผ่านมามีส่วนช่วยในการสร้างกระแสเงินสดให้กับแม่และครอบครัวมาโดยตลอด PTTEP เข้าตลาดหุ้นเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2536 ด้วยราคาขายไอพีโอที่ 33บาทต่อหุ้น ที่ราคาพาร์ 10 บาท
ราคาหุ้นเคยไปแตะระดับสูงสุดที่ 600 บาท ตามการเติบโตของธุรกิจจากนั้นคณะกรรมการบริษัทก็มีมติให้แตกพาร์เป็น 5 บาทต่อหุ้น และในปี 2549 บอร์ด PTTEP ก็ได้ทำการแตกพาร์อีกครั้งเหลือระดับ 1 บาทต่อหุ้น แต่ราคาหุ้นของ PTTEP ก็ยังวิ่งติดลมบนเฉลี่ยที่ระดับราคาหลักร้อยบาทต่อหุ้น
IRPC
บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เป็นอีกหนึ่งมหากาพย์ของอุตสาหกรรมปิเตรเคมีของไทยในยุคโชติช่วงชัชวาล ก่อนจะมาเป็น IRPC จนถึงถูกวันนี้ ขออนุญาตเล่าแบบย่อพอสังเขปให้เข้ากันง่ายๆคือก่อนหน้านี้มีชื่อว่า บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด หรือ TPI ของคุณประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เข้าตลาดหุ้นเมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2538 ด้วยราคาไอพีโอที่ 55 บาท และราคาพาร์ที่ 10 บาทต่อหุ้น
อย่างไรก็ตามในปี 2542 บริษัทเริ่มเกิดปัญหาการล้มละลาย จนมีการนำมาซึ่งการฟื้นฟูกิจการ และในปี 49 ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นไออาร์พีซี ภาพใต้การดำเนินงานและถือหุ้นโดยกลุ่ม PTT
PTTGC
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เกิดจากการควบรวมของ PTTAR และ PTTCH จึงไม่มีราคาเสนอขายไอพีโอ โดยเข้าซื้อขายในตลาด(กลุ่มปิโตรเคมี) เป็นครั้งแรกในวันที่ 21 ต.ค. 2554 เปิดเทรดวันแรกที่ 55.75 บาทโดยมีจุดเด่น ได้แก่ ขนาดที่ใหญ่มากขึ้นทั้งในแง่ของกำลังการผลิต มูลค่าตลาด และสินทรัพย์ โอกาสการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีส่วนต่างกำไรมากขึ้น
GGC
บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC ในฐานะที่เป็นบริษัทหลานของ PTT และเป็นลูกของ PTTGC ซึ่งประกอบธุรกิจมีผลิตภัณฑ์ คือ เมทิลเอสเทอร์ ,แฟตตี้แอลกอฮอล์ ,กลีเซอรีนบริสุทธิ์ เข้าตลาดหุ้นเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2560 ที่ราคาไอพีโอ 11.20 บาทต่อหุ้น ในราคาพาร์ 10 บาท
เข้าซื้อขายวันแรก 12 บาท และจากนั้นสามารถทำราคาสูงสุดได้ 17 บาท แต่อย่างไรก็ตามแค่เพียงไม่นาน มีปัญหาสต็อกสินค้าของบริษัทหาย ซึ่งเกิดจากการทุจริตของพนักงานบริษัท ทำให้มีความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาหุ้นดิ่งลงมาเหลือระดับเหลือ 9 บาท
TIP
บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ทาง PTT ถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับที่ 1 ภายใต้ธุรกิจที่ไม่ใช่พลังงาน เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2539 ด้วยราคาไอพีโอที่ 95 บาทต่อหุ้น และที่ราคาพาร์ 10 บาทต่อหุ้น โดยหุ้น TIP ได้มีการแตกพาร์ใม่เหลือ 1 บาทในวันที่ 29 ก.ย.2546
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก