ห้องเม่าปีกเหล็ก

‘ไทยเบฟ’เล็งออกหุ้นกู้2พันล้านดอลลาร์

โดย คเณชา
เผยแพร่ :
52 views

‘ไทยเบฟ’เล็งออกหุ้นกู้2พันล้านดอลลาร์ เสริมแกร่งการเงิน รักษาบัลลังก์ยักษ์เครื่องดื่มอาเซียน

 

“ไทยเบฟ” ประกาศแผนปี 69 ลุยลงทุนต่อเนื่อง 9,000 ล้านบาท ทุกธุรกิจทั้งสุรา เบียร์ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และอาหาร สานภารกิจรักษาผู้นำเครื่องดื่มเติบโตยั่งยืนในอาเซียน

 

มองบริบทโลกผันผวน สงครามการค้าป่วน มุ่งรักษาฐานะทางการเงินให้แข็งแกร่ง เตรียมแผนออกหุ้นกู้เงินตราต่างประเทศ 2,000 ล้านดอลลาร์ รองรับการขับเคลื่อนธุรกิจ ลดสัดส่วนการกู้ สร้างเสถียรภาพการเงิน

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนธุรกิจปี 2569 (ปีงบประมาณ ต.ค.2568-ก.ย.2569) ยังคงเดินหน้าสานต่อ PASSION 2030 เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ไทยเบฟรักษาการเป็นผู้นำเครื่องดื่มในอาเซียนที่เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

โดย  2 กลยุทธ์สำคัญผลักดันการเติบโต ได้แก่ 1.การเข้าถึงผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ(Reach Competitively) และ 2.ดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนการเติบโต(Digital for Growth) ที่มีความเกี่ยวโยงกัน การใช้ฐานข้อมูลความผู้บริโภค วิเคราะห์สถานการณ์ตลาด ตอบสนองกลุ่มเป้าหมายให้เข้าถึงสินค้าและบริการสะดวก ตรงความต้องการมากสุด ผ่านขุมพลังด้านโลจิสติกส์ที่เป็นหนึ่งเดียวกัน (ONE logistices) ผ่านทีมงานขายรถเงินสด มี CERTU ใน 6 ประเทศเช่น ไทย มาเลเซีย เมียนมา สิงคโปร์ ช่วยให้ต้นทุนต่อหน่วยมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ราคาผู้บริโภคเข้าถึงง่าย มีการทำความเข้าใจร้านค้าโชห่วย ค้าปลีกสมัยใหม่

“การทำธุรกิจเราค้าขายกับผู้บริโภคทั้งโลก 8,000 ล้านคน การที่ไทยเบฟขยายตลาดเข้าถึงผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ ล้วนมาจากโอกาสได้เข้าร่วมมือพันธมิตร เข้าสู่โออิชิ เสริมสุข และก้าวเข้าสู่เฟรเซอร์แอนด์นีฟหรือเอฟแอนด์เอ็น”

ด้านดิจิทัล มีการทำโปรแกรมที้ให้เข้าใจความต้องการผู้บริโภค เห็นการเคลื่อนไหวสินค้าผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ทั้งเจาะภาคธุรกิจหรือ B2B และเจาะลูกค้าโดยตรงหรือB2C

“หากเราไม่เข้าใจลูกค้า รวมถึงลูกค้าของลูกค้าเราคือผู้บริโภค ทำไมการค้าขายตึงมือ ทั้งที่ลูกค้าต้องการสินค้า แสดงว่าช่องทางขายเราเริ่มติดขัด FLOW ช่วยให้เราเข้าใจเรื่องเหล่านั้น”

ปี 69 ลงทุน 9,000 ล้านบาท

ด้านแผนลงทุนปี 2569 เป็นการลงทุนปกติ(CAPEX) 9,000 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนใช้เงิน 1.2 หมื่นล้านบาท สัญญาณการใช้เงินลงทุนลดลง เพราะต้องลงทุนอย่างเข้าใจและให้เกิดประโยชน์ โดยไม่จำเป็นเร่งการลงทุน อีกด้านบริษัทยังมีการลงทุนด้านอื่น เช่น เรื่องซอฟต์แวร์ ซึ่งไม่รวมในงบลงทุนปกติ

นายประภากร ทองเทพไพโรจน์กรรมการผู้อำนวยการใหญ่และผู้บริหารสูงสุดปฏิบัติการต่างประเทศ กล่าวว่า งบ 9,000 ล้านบาท แบ่งลงทุนในธุรกิจสุรา 2,000 ล้านบาท ธุรกิจเบียร์ 2,000 ล้านบาท ธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 4,000 ล้านบาท และธุรกิจอาหาร 1,000 ล้านบาท

โดยกลุ่มธุรกิจสุราที่เมียนมาจะขยายการลงทุนภายใต้แกรนด์ รอยัล กรุ๊ป ขยายกำลังการผลิตโรงกลั่น ซื้อพื้นที่ขยายคลังสินค้าซิงเกิลมอลต์ คาร์โดรนา ในนิวซีแลนด์ การขยายคลังสินค้าในสหราชอาณาจักร ส่วนเบียร์การลงทุนต่อเนื่องโรงงานผลิตเบียร์ในกัมพูชา จังหวัดกันดาล จะแล้วเสร็จใน 2 เดือนข้างหน้า การลงทุนเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ในโครงการฟาร์มโคนม มาเลเซีย ซึ่งเป็นฐานส่งออกสินค้าสู่ตลาดฮาลาล 1,900 ล้านคนทั่วโลก อนาคตจะเพิ่มเป็น 2,500 ล้านคนใน 25 ปีข้างหน้า ซึ่งตลาดฮาลาลถือว่าเติบโตสูงสุด

เล็งออกหุ้นกู้ 2,000 ล้านดอลลาร์ เสริมแกร่งฐานะการเงิน

นายประภากร กล่าวว่า บริษัทได้ทำเอกสารเพื่อเตรียมความพร้อมในการออกหุ้นกู้เงินตราต่างประเทศวงเงิน 2,000 ล้านดอลลาร์ รองรับกรณีสภาพคล่องในไทยลดน้อยลง ขณะที่เดือน ส.ค. บริษัทมีการออกหุ้นกู้มูลค่า 3.8 หมื่นล้านบาท โดยมีการไถ่ถอนก่อนกำหนด 2.8 หมื่นล้านบาท ทำให้ลดภาระอัตราดอกเบี้ย 1,500 ล้านบาท 

นายฐาปน กล่าวอีกว่า สิ่งที่ตนเองย้ำมาโดยตลอด คือการความมั่นคงทางด้านฐานะการเงินมีความสำคัญอย่างมาก เพราะไม่สามารถคาดการณ์สถานการณ์ในอนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้น ส่วนหนึ่งยังได้รับบทเรียนจากวิกฤติโควิด-19 ที่สิ้นสุดลงแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น แต่กลับเผชิญสงครามการค้า และสงครามอื่นๆ ทำให้บริษัทต้องเตรียมความพร้อมรับผลกระทบอยู่เสมอ

“เสถียรภาพการเงินสำคัญ เหมือนเรามองภาพใหญ่เศรษฐกิจประเทศ การมีเงินคงคลัง สะท้อนการเตรียมความพร้อม สำคัญมากเพราะเราไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้บ้าง เราไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไร อีกด้านบริษัทต้องการลดสัดส่วนเงินกู้ เพื่อทำให้งบดุลมีความแข็งแรงด้วย”

หงส์ทองลุยอาร์ทีดี “แสงโสม-เมอริเดียน” ออกไซส์เล็ก 100 บาท

นายโสภณ ราชรักษา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจสุรา และผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานทรัพยากรบุคคลและสมรรถนะองค์กร กล่าวว่า ตลาดสุราอิงการเติบโตตามจีดีพี 2-3% โดยไตรมาส 1 ปีก่อน(ต.ค.-ก.ย.2567) บริษัทคาดการณ์โครงการเงินดิจิทัลหมื่นบาทจะกระตุ้นตลาดสุรา แต่ภาพจริงกำลังซื้อซบเซา แต่ตีตื้นไตรมาส 2-3 ส่วนปี 2569 คาดการณ์ตลาดจะขยายตัวขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทจะขยายพอร์ตโฟลิโอสุราสู่พรีเมียมมากขึ้น ให้สอดรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค รวมถึงรุกค้าใหม่กลุ่มพร้อมดื่ม(อาร์ทีดี) อย่างหงส์ทอง เปิดตัวปลายปีนี้ สุราสี ออกขนาด 200 มิลลิลิตร(มล.) ราคาขายปลีกแนะนำ 100 บาท สอดคล้องกำลังซื้อ จากเดิมมีขนาด 300-350 มล. 700 มล. ฯ และผู้บริโภคยุคใหม่ที่นิยมดื่มคนเดียว หรือ 1-2 คน ไม่รวมกลุ่มเหมือนเดิม

เบียร์ขึ้นเบอร์ 1 แชร์ทิ้งห่างคู่แข่ง 2%

นายไมเคิล ไชน์ฮิน ฟา ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจเบียร์และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท เบียร์โค ลิมิเต็ด กล่าวว่า ปี 2568 เบียร์สร้างผลงานโดดเด่นในไทยสามารถก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 เป็นเวลา 8 เดือนแล้ว โดยครองส่วนแบ่งตลาดรวม 40% ทิ้งห่างคู่แข่งราว 2%

แผนปี 2569 บริษัทจะเดินหน้าการผลิตเบียร์ในกัมพูชา หลังลงทุนสร้างโรงงานที่จังหวัดกันดาล มีกำลังการผลิต 50 ล้านลิตรต่อปี โดยกัมพูชาการบริโภคเบียร์ต่อคนสูงถึง 50 คนต่อลิตรต่อปี สูงกว่าไทย 2 เท่า รวมถึงขยายกำลังผลิตเบียร์ที่เมียนมา กำลังผลิต 150 ล้านลิตร เพิ่มจากปี 2562 มีกำลังผลิต 50 ล้านลิตร โดยยอดขายทะลุเป้ามา 5 ปีแล้ว

ตลาดเบียร์มีความเคลื่อนไหวสำคัญในไทยและอาเซียน หลังเบียร์ชิงเต่าผนึกพันธมิตรเสริมแกร่ง มองว่าการแข่งขันเป็นเรื่องปกติ ที่ผ่านมาไทยมีผู้เล่นหน้าใหม่รุกตลาดเบียร์อย่างคาราบาว แต่ยังไม่มีนัยสำคัญนัก

“PASSION 2030 ต้องทำให้ธุรกิจเบียร์เติบโตทั้งเชิงปริมาณ และยอดขายเชิงมูลค่า กำไร สานเป้าหมายการนำเบียร์โค เสนอขายหุ้นไอพีโอในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ต่อไป”

“นอนแอล” เน้นวอลุ่มโต-ขยับมาร์เก็ตแชร์

นายโฆษิต สุขสิงห์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่และผู้บริหารสูงสุดปฏิบัติการประเทศไทย ผู้บริหารสูงสุดกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และผู้บริหารสูงสุดกลุ่มงานดิจิทัลและเทคโนโลยี กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (นอนแอล) ใช้งบลงทุน 4,000 ล้านบาท ในปีงบฯ 2569 ส่วนใหญ่ลงทุนฟาร์มโคนมในมาเลเซีย อีก 700-800 ล้านบาท ลงทุนในไทยเพื่อเพิ่มไลน์การผลิต

ขณะที่สัดส่วนรายได้ของกลุ่มนอนแอลคิดเป็น 5% ของรายได้ทั้งหมด ตั้งเป้าปีงบฯ 2569 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีงบฯ 2568 ซึ่งประคองสถานการณ์ได้ดีจากการเติบโตของยอดขายเชิงปริมาณ และการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด

นอกจากนี้ ลงทุน 1,000 ล้านบาทต่อปี พัฒนาด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี เพื่อลดปัญหาการทำงานทับซ้อนของพนักงานขายแต่ละแบรนด์ สร้างความแข็งแกร่งการกระจายสินค้าครอบคลุม 600,000 จุดรับสินค้า และสร้างพลังร่วมอย่างไร้รอยต่อ

“บริษัทเพิ่งเปิดตัวแอปพลิเคชัน SOOK (สุข) เมื่อกลางปีนี้ เพื่อดิลิเวอรีอาหารภายในโครงการวันแบงค็อกเสริมแกร่งธุรกิจอาหาร โดยวันแบงค็อก มีพนักงานออฟฟิศมากกว่า 10,000 คนภายในสิ้นปีนี้”

“กลุ่มอาหาร” ขยาย KFC-ปรับโฉมโออิชิ 

สำหรับกลุ่มธุรกิจอาหารทั้ง 3 ขา งบปี 2569 จะลงทุน 1,000 ล้านบาท เคเอฟซี แบรนด์ที่เติบโตดีมาตลอด ปัจจุบันบริษัทมี 500 สาขา มากอันดับ 1 จากสาขาทั้งหมดของเคเอฟซีในไทยกว่า 1,200 สาขา จะขยายสาขาใหม่เพิ่ม 40 สาขา

นายไพศาล อ่าวสถาพร ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหาร ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารในปีนี้ที่มีอัตราการลดลง 2 หลัก กลุ่มธุรกิจอาหารยังเติบโต แต่ไม่หวือหวา

ส่วนกลุ่มแบรนด์โออิชิ เริ่มด้วยการปรับโฉมใหม่ของร้านชาบูชิ  เพราะเปิดมานาน หลังปรับปรุงได้ลูกค้าเจน Z มากขึ้น ส่วนกลุ่มเจน Y และ X ใช้บริการซ้ำมากขึ้น ต่อไปจะปรับภาพลักษณ์แบรนด์โออิชิ บุฟเฟต์ เพิ่ม ขณะที่ร้านอาหารภายใต้กลุ่ม FOA เน้นการใช้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งเปิดในพื้นที่ในเครือเป็นหลักก่อน จะเห็นได้ว่าในโครงการวันแบงค็อก มีร้านอาหารใหม่ๆ ที่เป็นแฟลกชิป

 

 

ที่มา..  https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1201171

 


คเณชา