ห้องเม่าปีกเหล็ก

เกมพลิก! สหรัฐฯ หัวเราะทีหลัง ใช้คริปโต 'ค้ำยัน' บัลลังก์ดอลลาร์แบบเหนือเมฆ

โดย ทะลุมิติ
เผยแพร่ :
31 views

เกมพลิก! สหรัฐฯ หัวเราะทีหลัง ใช้คริปโต 'ค้ำยัน' บัลลังก์ดอลลาร์แบบเหนือเมฆ

สวัสดีค่ะทุกคน นิคกี้เองนะคะ ช่วงนี้เราคงได้ยินข่าวปั่นมากมายเกี่ยวกับอนาคตของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้หลายคนกังวลว่าดอลลาร์กำลังจะล่มสลายหรือเปล่า หลังประเทศนั้นประเทศนี้เริ่มลดการพึ่งพาดอลลาร์กันแล้ว

แต่วันนี้นิคกี้จะมาเล่าให้ฟังในอีกมุมหนึ่งค่ะ ว่าทำไมดอลลาร์ถึงยัง "สตรอง" และไม่ล่มสลายง่ายๆ อย่างที่คิด เพราะจริงๆ แล้ว สหรัฐฯ เขาก็รู้ตัวและกำลังเดินเกมแก้อย่างเหนือชั้นมากๆ ค่ะ

 

 

สิ่งที่สหรัฐฯ ทำคือการออกกฎหมายที่นิคกี้ขอเรียกว่า "Genius Act" เลยค่ะ มันฉลาดสมชื่อจริงๆ เพราะกฎหมายนี้พุ่งเป้าไปที่การควบคุม Stablecoin ที่อิงกับสกุลเงินดอลลาร์โดยเฉพาะ

ถ้าใครยังไม่คุ้นเคย นิคกี้ขออธิบายง่ายๆ ว่า Stablecoin ก็คือ "เงินดอลลาร์ในเวอร์ชันดิจิทัล" ค่ะ มูลค่าของมันจะถูกตรึงไว้กับดอลลาร์แบบ 1 ต่อ 1 ทำให้ไม่ผันผวนเหมือนคริปโตสกุลอื่นๆ

ข้อดีของมันคือช่วยให้การโอนเงินข้ามโลกทำได้รวดเร็ว ต้นทุนต่ำ และเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกการเงินแบบดั้งเดิมกับโลกดิจิทัลได้อย่างไร้รอยต่อและไร้พรมแดน

ทีนี้ Genius Act ที่ว่านี้ จะเข้ามาบังคับให้ผู้ออก Stablecoin สกุลดอลลาร์ สินทรัพย์สภาพคล่องสูงที่เป็นดอลลาร์หรือหลักทรัพย์รัฐบาลสหรัฐฯ หนุนหลังแบบ 1:1 ค่ะ

 

พูดง่ายๆ คือ ถ้าคุณจะออกเหรียญดิจิทัลมา 1 ดอลลาร์ คุณต้องมีสินทรัพย์มูลค่า 1 ดอลลาร์เก็บไว้จริงๆ

นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญค่ะ เพราะเมื่อความต้องการใช้ Stablecoin เพิ่มขึ้น ผู้ออกเหรียญก็ต้องหาสินทรัพย์ที่มั่นคงที่สุดในโลกมาค้ำประกัน ซึ่งหนีไม่พ้น "พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ" (U.S. Treasuries) นั่นเอง นี่คือการสร้างความต้องการ (Demand) ใหม่ๆ ให้กับดอลลาร์ผ่านช่องทางดิจิทัลค่ะ

เราลองมาดูกราฟการเติบโตของ Market Cap หรือมูลค่าตลาดรวมของ USDT (ออกโดย Tether) และ USDC (ออกโดย Circle) ซึ่งเป็น Stablecoin ที่ใหญ่ที่สุดในโลกกันค่ะ จะเห็นเลยว่ากราฟมันพุ่งพรวดขึ้นอย่างก้าวกระโดด

การเติบโตนี้หมายความว่ามีเงินไหลเข้าสู่ระบบ Stablecoin มหาศาล และเงินเหล่านั้นก็ต้องถูกนำไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มาเก็บไว้เป็นทุนสำรองตามไปด้วย

 

Stablecoin ใหญ่แค่ไหน เมื่อเทียบกับประเทศต่างๆ?

เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น เราต้องมาดูกันก่อนว่าปกติแล้วใครคือเจ้าหนี้รายใหญ่ของสหรัฐฯ บ้าง จากข้อมูลล่าสุด ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2025 ยอดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดยต่างชาติทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 9,158.7 พันล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 9.16 ล้านล้านดอลลาร์ค่ะ

ประเทศที่ถือครองมากที่สุดอันดับหนึ่งยังคงเป็นญี่ปุ่น ที่ 1,151.4 พันล้านดอลลาร์ ตามมาด้วยสหราชอาณาจักรที่ 899.3 พันล้านดอลลาร์ และจีนแผ่นดินใหญ่ที่ 730.7 พันล้านดอลลาร์

 

แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือการเข้ามาของผู้เล่นหน้าใหม่อย่าง Stablecoin ค่ะ

เรามาดูที่พี่ใหญ่อย่าง USDT (Tether) กันก่อน จากรายงานล่าสุดในช่วงไตรมาส 1 ถึงไตรมาส 3 ปี 2025 Tether มีการถือครอง U.S. Treasuries ทั้งทางตรงและทางอ้อมรวมกันแล้วประมาณ 135 พันล้านดอลลาร์

ตัวเลขนี้ใหญ่มหาศาลแค่ไหน? ถ้าเราสมมติให้ Tether เป็น "ประเทศ" หนึ่งประเทศ พวกเขาจะกลายเป็นผู้ถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ รายใหญ่อันดับที่ 17 ของโลกทันทีค่ะ

ใหญ่กว่าเกาหลีใต้ที่ถืออยู่ 132.5 พันล้านดอลลาร์ และซาอุดีอาระเบียที่ถืออยู่ 131.7 พันล้านดอลลาร์เสียอีก ตำแหน่งของ Tether จะแทรกอยู่ระหว่างบราซิล (201.7 พันล้านดอลลาร์) และเกาหลีใต้เลยทีเดียว

ทีนี้มาดูฝั่ง USDC (Circle) บ้างค่ะ จากข้อมูลล่าสุด ณ เดือนกันยายน 2025 USDC มีมูลค่า reserve รวมราว 74 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งในนั้นประมาณ 6 หมื่นกว่าล้านดอลลาร์ถูกลงทุนผ่าน Circle Reserve Fund ที่ถือ U.S. Treasuries และ Treasury repo เป็นหลัก

ซึ่งถ้าเรานับเฉพาะส่วนที่ผูกกับ Treasuries และ repo ก็พูดได้ว่ามีเงินระดับ กว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ไหลเข้าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ผ่าน USDC เพียงเหรียญเดียว

เห็นไหมคะว่าสหรัฐฯ กำลังใช้เทคโนโลยีการเงินยุคใหม่มาเป็นเครื่องมือในการรักษาเสถียรภาพและความต้องการของเงินดอลลาร์ได้อย่างไร เมื่อรวมการถือครองของ USDT และ USDC เข้าด้วยกัน เรากำลังพูดถึงเม็ดเงินเกือบ 2 แสนล้านดอลลาร์ที่ลงทุนอยู่ในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ

 

และด้วยแนวโน้มการเติบโตที่เห็นในกราฟ นิคกี้เชื่อว่าอีกไม่นานเกินรอค่ะ ที่เราจะได้เห็น Stablecoin เหล่านี้ ขยับอันดับขึ้นมาเรื่อยๆ และกลายมาเป็น Major Holder หรือผู้ถือครองหลักของ U.S. Treasuries ในอนาคต นี่คือเหตุผลว่าทำไมดอลลาร์ถึงยังแข็งแกร่งและไม่ล่มสลายง่ายๆ อย่างที่บางคนพยายามปั่นอยู่นั่นเองค่ะ

 

 

ที่มา..เพจ Beauty Investor


ทะลุมิติ