AEONTS ความท้าทายรออยู่
ลดประมาณการกำไรปี FY2567-69 จากการที่ประมาณการกำไรในครึ่งแรกของปี FY2567 ของเรา คิดเป็นเพียง 31% ของประมาณการกำไรปี FY2567 ที่ 4.26 พันลบ. เราจึงปรับประมาณการกำไรปี FY2567-69 ลง 32%/19%/6% เป็น 2.9 พันลบ./3.7 พันลบ./4.6 พันลบ.
สมมติฐานสำคัญสำหรับการปรับลดประมาณการกำไร ได้แก่
1) ประมาณการ credit cost ที่สูงขึ้น 96bps และ 40bps ในปี FY2567-68 สะท้อนถึงวัฏจักร NPL ที่นานกว่าคาด
2) สมมติฐาน NIM ที่ลดลง 65bps/42bps/24bps สะท้อนต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในปี FY2567-68
3) สมมติฐานการเติบโตของสินเชื่อปี FY2567 ที่ลดลงเป็น 3.9% จาก 7.2% เราคาดว่ากำไรปี FY2567 จะลดลง 24% ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้น 29% ในปี FY2568
ยอดจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำสูงขึ้นในปี 2567-68 เราคาดว่าจะเห็นความเสี่ยงจาก credit cost ในปี 2567-68 เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเพิ่มการชำระเงินขั้นต่ำของบัตรเครดิตเป็น 8% และ 10% จาก 5% ในปี 2566 เราคาดว่าผู้กู้บางรายอาจต้องเผชิญกับปัญหาในการชำระหนี้ที่สูงขึ้น
ขณะที่ผลกระทบจากการก่อ NPL คือ ยังไม่สามารถคำนวนได้ โดย ณ ปัจจุบัน AEONTS มีการชำระคืนสินเชื่อบัตรเครดิตในอัตราขั้นต่ำรวม 50% ของหนี้บัตรเครดิตทั้งหมด และได้ตั้งเงินสำรองส่วนเกิน (management overlay) ไว้ที่ 200 ลบ. สำหรับผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากการชำระยอดบัตรเครดิตขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้นในปี 2567-68 ผู้บริหารเชื่อว่า management overlay ในปัจจุบันเพียงพอแล้ว และไม่จำเป็นต้องตั้งสำรองเพิ่มเติมในปีหน้า
คาดจะสามารถจัดการผลกระทบจากแผนลดหนี้เรื้อรังของ ธปท. ได้ เราคาดว่า AEONTS จะได้รับผลกระทบที่จำกัดจากแผนในการลดหนี้เรื้อรัง (PD) ของ ธปท. โดยการเปลี่ยนลูกค้ากลุ่ม PD มาเป็นโครงการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 15% เนื่องจาก AEONTS มีสินเชื่อเพียง 5% ของสินเชื่อทั้งหมดที่ถูกจัดเป็นลูกค้ากลุ่ม PD ตามคำจำกัดความของ ธปท.
นอกจากนี้ AEONTS ยังมีแผนที่จะช่วยเหลือลูกค้ากลุ่ม PD อยู่แล้ว โดยให้ลูกค้าสามารถอาสาเปลี่ยนสินเชื่อเป็นสินเชื่อระยะยาว และลดอัตราดอกเบี้ยเหลือเพียง 14% เท่านั้น
คาดผลกระทบที่จำกัดจากมาตรการของ ธปท.ในการจัดการกับลูกหนี้เรื้อรัง เราลดคำแนะนำเป็น “ถือ” และปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 177 บาท จาก 217 บาท
